Highlights
- Pinkoi ได้ปล่อยฟีเจอร์วิดีโอสินค้ามาสักพัก พบสถิติที่น่าสนใจว่า สินค้าที่มีวิดีโอสินค้ามีเปอร์เซ็นต์การขายออกมากกว่าสินค้าที่มีเพียงรูปภาพถึง 62%
- สินค้าที่มีวิดีโอสินค้ากลายเป็นสินค้าขายหมดคิดเป็น 26% เมื่อเทียบกับสินค้าที่ไม่มีวิดีโอสินค้า
- ไม่ใช่แค่ Pinkoi แต่จากสถิติ วิดีโอสินค้าช่วยเพิ่มยอดขายได้บนแพลตฟอร์มออนไลน์อื่นๆเช่นกัน
Pinkoi ปล่อยฟีเจอร์การลงวิดีโอสินค้าออกมาไม่นานนี่เอง ดีไซเนอร์ได้ลองใช้กันบ้างหรือยังคะ? บางคนอาจจะกำลังสงสัยอยู่ว่าต้องตั้งค่ายังไงบ้าง? ต้องถ่ายวิดีโออย่างไรสินค้าออกจะมาดูดีที่สุด? วิดีโอสินค้าจะช่วยเพิ่มยอดขายให้แก่ดีไซเนอร์อย่างไรบ้าง? และแถม Tips การถ่ายวิดีโอที่ดีไซเนอร์นำไปประยุกต์ใช้ได้ในทุกแพลตฟอร์มเลยค่ะ ทีมงาน Pinkoi TH รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับฟีเจอร์ใหม่ไว้ที่นี่ที่เดียวค่ะ
ถ้าใครเคยอ่านแฮร์รี่พอตเตอร์ คงจำได้ว่า รูปภาพในโลกพ่อมดแม่มดนั้นเป็นภาพเคลื่อนไหวคล้ายกับวิดีโอ ในตอนนั้นเราคิดว่ารูปภาพที่เป็นภาพเคลื่อนไหวนั้นช่างดูเป็นสิ่งที่เกินจินตนาการเหลือเกิน ใครจะคิดว่าไม่กี่สิบปีต่อมา รูปภาพเคลื่อนไหวเหล่านี้จะกลายเป็นของธรรมดาในโลกของมักเกิ้ล(มนษย์ที่ไม่มีเวทมนต์)อย่างพวกเราไปแล้ว
เพราะการซื้อสินค้าออนไลน์ ทำให้ลูกค้าไม่สามารถมองเห็นสินค้าจริงและจับต้องสัมผัสได้ ดังนั้น ฟีเจอร์วิดีโอจึงเข้ามามีบทบาทในตลาดออนไลน์มากขึ้น เมื่อเราหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้น ไถ TikTok ไปจนถึง IG Reels เราจะเห็นได้เลยว่าเราเริ่มจะคุ้นชินกับการเสพวิดีโอสั้นๆบนแพลตฟอร์มเหล่านั้นไปทีละนิด แล้วการสร้างวิดีโอสั้นๆขึ้นมา ก็กลายเป็นสิ่งง่ายๆที่ใครๆก็ทำได้ ขอแค่เพียงมีโทรศัพท์มือถือ ทุกคนก็สร้างคอนเทนต์ขึ้นมาได้ง่ายๆ
ประโยชน์ของวิดีโอสินค้าที่รูปภาพก็ให้คุณไม่ได้
- ดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้ดี วิดีโอดึงดูดสายตาและโดดเด่นขึ้นมาเมื่อเทียบกับรูปสินค้าปกติ
- วิดีโอสามารถแสดงรายละเอียดของสินค้าได้มากกว่าเทียบกับรูปภาพ วิดีโอสามารถเสนอมุมมองที่กว้างและลึกกว่า
- มีลูกเล่นที่มากกว่า สามารถใส่ข้อความลงไปในวิดีโอเพื่อบอกเรื่องราวเกี่ยวกับสินค้าของคุณ เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้า
- เพิ่มยอดขายและลดการคืนสินค้า เพราะวิดีโอจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้า ได้มองเห็นสินค้าชัดเจนขึ้น ลดเรทการคืนสินค้าที่มีสาเหตุมาจากสินค้าไม่ตรงกับความคาดหวัง
- เพิ่มช่องทางการโปรโมท เพิ่มความน่าสนใจให้แก่สินค้า เพิ่มยอดคลิกเข้ามาดูสินค้า
แล้ววิดีโอแบบไหนที่ดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาชม?
การนำเสนอสินค้าผ่านวิดีโอสามารถทำได้หลากหลายอย่าง เช่น ลักษณะของสินค้า, การใช้งานและอื่นๆ แต่คอนเทนต์วิดีโอแบบไหนล่ะที่จะเพิ่มยอดเอนเกจเป็นพิเศษ ? คอนเท้นท์วิดีโอแบบไหนจะทำให้สินค้าดูน่าสนใจ?
ยกตัวอย่างเช่น สินค้าคือ แก้ว เราสามารถใช้มุมมอง 360 องศาในการถ่ายวิดิโอเพื่อโชว์รายละเอียดของตัวสินค้า หากแก้วนี้สามารถเปลี่ยนสีตามอุณหภูมิได้ เราก็สามารถใช้วิดีโอนี้ถ่ายทอดจุดขายนี้ออกมาได้
วิดีโอ 3 ประเภทที่ดึงดูดลูกค้ามากที่สุด
- โชว์รายละเอียดและจุดขายของสินค้า
ในฐานะเจ้าของแบรนด์ คุณน่าจะได้รับข้อความประเภท สินค้าสีนี้สีอะไรคะ ทำมาจากผ้าอะไร เอว 27 ต้องใส่ไซส์อะไรคะ ราคาเท่าไหร่คะ (แม้ว่าทั้งหมดนี้คุณจะลงรายละเอียดไว้ หรือลงไว้ในรูปไว้แล้วก็ตาม) คุณสามารถทำวิดีโอที่โชว์ลักษณะของสินค้าในมุมต่างๆ เปรียบขนาดแต่ละไซส์และภาพ close up เพื่อสามารถโชว์รายละเอียดสินค้าที่ถูกถามเข้ามาบ่อยๆ
ตัวอย่างไอเดีย : การเปิดแพคเกจ, โชว์มุมต่างๆของสินค้า, ทดสอบประสิทธิภาพกันน้ำของสินค้า, สินค้าถูกพับและเก็บยังไง, สีของสินค้าเป็นอย่างไรเวลาตกกระทบแสงในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน
2. โชว์วิธีการใช้สินค้า
วิดีโอแสดงการใช้สินค้าและรายละเอียดต่างๆให้ลูกค้า สามารถทำให้ลูกค้าจินตนาการการใช้สินค้าในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน และสร้าง ความผูกพันของสินค้าให้แก่ลูกค้าโดยไม่รู้ตัว
ตัวอย่างไอเดีย: สินค้าใส่ออกมาแล้วเป็นยังไง, การประกอบสินค้า, ทดสอบการเขียนด้วยหมึก, การลองลิปสติก
3.โชว์ขั้นตอนการทำ
เมื่อลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้า มักจะเป็นเพราะประทับใจไอเดียของเจ้าของแบรนด์ หรือประทับใจในกระบวนการผลิตสินค้า ดังนั้นคุณควรถ่ายทำรายละเอียดการทำสินค้าในแต่ละช่วง เช่น จากวัตถุดิบเดิมได้กลายมาเป็นสินค้าอย่างไร หรือกระบวนการทำสินค้าสั่งทำพิเศษออกมาด้วยมือแต่ละชิ้น สิ่งเหล่านี้สามารถแสดงให้เห็นถึง passion ที่คุณมีต่อตัวสินค้าและเพิ่มความผูกพันของลูกค้าต่อสินค้า
ตัวอย่างไอเดีย: คลิป timelapse ของกระบวนการผลิต, วิดีโอ close-ups ของวัตถุดิบหรือส่วนประกอบ
เมื่อมีไอเดียในการสร้างวิดีโอสินค้าคร่าวๆแล้วมาดูกันว่าเงื่อนไขวิดีโอสินค้าบน Pinkoi เป็นอย่างไรบ้าง
เงื่อนไขวิดีโอสินค้า Pinkoi
- ความยาวคลิป : อย่างน้อย 5 วินาที และไม่เกิน 10 วินาที คลิปที่มีความยาวเกินกว่าที่กำหนดจะถูกตัดให้ลดเหลือ 10 วินาทีโดยอัตโนมัติ
- รูปแบบไฟล์ : MP4, MOV
- ขนาดไฟล์ : ไม่เกิน 50 MB
- ความละเอียด : อย่างน้อย 1080p
- เสียงวิดีโอ:เมื่ออัปโหลดแล้วระบบจะปิดเสียงวิดีโออัตโนมัติ
- สัดส่วนวิดีโอ : สี่เหลี่ยมจัตุรัส หากสัดส่วนวิดีโอไม่ใช่สี่เหลี่ยมจัตุรัส ระบบจะครอปให้เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสโดยอัตโนมัติ
เงื่อนไขรูปภาพวิดีโอบน Pinkoi
- ห้ามใช้วิดีโอสินค้าที่มีตัวหนังสือและรูปภาพ หากเลือกตำแหน่งวิดีโอเป็น “ตำแหน่งที่1” (วิดีโออยู่ก่อนหน้ารูปภาพสินค้า) เช่น ลิงค์ของเว็บไซต์, QR Code, รายละเอียดสินค้า, โลโก้, โปรโมชั่น, ข้อมูลติดต่อ หรือรูปสินค้าอื่น
- ห้ามใช้วิดีโอที่มีกรอบหรือขอบสีขาวบริเวณรอบ รวมถึงมีรูปที่มีการตัดต่อหรือรวมหลายภาพ และการแต่งภาพที่ทำให้เห็นสินค้าไม่ชัดเจน
- โปรดหลีกเลี่ยงการแต่งสีวิดีโอหรือเพิ่มเอฟเฟคที่ทำให้ภาพผิดเพี้ยนไปจากสินค้าจริง และทำให้ลูกค้าเข้าใจผิด
- กรุณาถ่ายจากสินค้าจริง โดยโฟกัสและเน้นให้เห็นตัวสินค้าอย่างชัดเจน
- ห้ามมีเนื้อหาละเมิดกฎหมายและข้อบังคับเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา หรือไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงาน
- ห้ามมีเนื้อหาล่อแหลม รุนแรง หรือลามกอนาจาร
- ห้ามมีเนื้อหาที่ละเมิดกฎหมายและข้อบังคับเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา หรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงาน
- ห้ามมีเนื้อหาที่ละเมิด นโยบายเงื่อนไขการซื้อขายบน Pinkoi
วิดีโอที่ละเมิดข้อกำหนดและเงื่อนไขจะส่งผลกระทบต่อการมองเห็นสินค้านั้นๆ (ทั้งบนเว็บไซต์, โซเชียลมีเดีย,ช่องทางโฆษณาต่างๆ ของ Pinkoi) กรณีไม่ดำเนินการแก้ไขหลังจากได้รับข้อความแจ้งเตือน จะส่งผลต่อโอกาสในการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของ Pinkoi และคลิปวิดีโอนั้นจะถูกลบออกจากเว็บไซต์โดยอัตโนมัติ หรือหยุดจำหน่ายสินค้านั้นจนกว่าสตูดิโอจะทำการแก้ไขวิดีโอ หากเป็นการละเมิดที่ร้ายแรง Pinkoi จะดำเนินการตาม เงื่อนไขของสตูดิโอ
*หมายเหตุสำหรับผู้ใช้ iOS หรือ iPhone
- แอป Pinkoi ต้องอัปเดตเป็นเว่อร์ชั่นล่าสุดก่อนAPP
- เวลาอัปโหลดวิดีโอสินค้าลงบน Pinkoi ให้เลือกคลิปวิดีโอที่ถ่ายไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว ที่ Photo Library หรือ Choose Files
เอาล่ะ ทีนี้มาสามารกวิดีโอสินค้ากันถอะ!
สร้างวิดีโอขึ้นมาง่ายๆ ด้วย 3 steps นี้
การสร้างวิดีโอสั้นๆง่ายมาก เพียงแค่คุณมีโทรศัพท์ Smartphone คุณก็สามารถสร้างวิดีโอที่มีภาพคมชัดได้ง่ายๆ เหมือนเวลาที่คุณอัพลง IG Stories
3 ขั้นตอนง่ายๆที่จะทำให้คุณได้วิดีโอดีๆ ที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น !
ขั้นตอนที่ 1 : เริ่มต้นถ่าย
คุณสามารถใช้โปรแกรมหรือ apps ที่คุณถนัด จะเป็นโทรศัพท์มือถือหรือกล้องก็ได้ แต่ตัวอย่างที่ Pinkoi นำมาให้ดูนั้นมาจากฟังก์ชั่นของ Reels ของ Instagram
- เปิด Instagram และเปิดฟังก์ชั่น Reel.
- เลือกความยาวของวิดีโอ: เลือก Timer icon จากแถบเครื่องมือทางด้านซ้ายของจอ ตั้งค่าความยาวของคลิปที่คุณต้องการแล้วเลือก “Set timer”
- เริ่มต้นถ่าย: กดที่ไอคอน Reels แล้วถ่ายตามในระยะเวลาที่ตั้งค่าไว้ จากนั้นกด Preview เพื่อดูวิดีโอที่ถ่ายไป
- แก้ไขหรือเพิ่มคลิป: ถ้าคุณต้องการ edit หรือเพิ่มคลิปอื่นๆลงไปในวิดีโอ
- บันทึกวิดีโอ: เลือกปุ่มดาวน์โหลดเพื่อบันทึกวิดีโอ
ขั้นตอนที่ 2 : เปลี่ยนสัดส่วนของวิดีโอเป็นสี่เหลี่ยม square
โทรศัพท์สมาร์ทโฟนบางเครื่องมีฟังก์ชั่นที่ช่วยเปลี่ยนสัดส่วนของวิดีโอได้ ตัวอย่างที่ยกมาเป็นฟังก์ชั่นของ iPhone
เปิด Photos app >> เลือกวิดีโอที่คุณต้องการ >> เลือก“Edit” ที่อยู่มุมขวา>> เลือกไอคอน crop ที่อยู่ด้านล่าง >>เลือกไอคอน ratio ที่อยู่มุมขวา >> เลือก “SQUARE” จากเมนูที่อยู่ด้านล่าง และบันทึกวิดีโอ
ขั้นตอนที่ 3 : อัปโหลดวิดีโอ
อัปโหลดวิดีโอสินค้าคล้ายๆกับการอัปโหลดรูปสินค้า ไปที่ “Shop Manager” และไปที่ Listings หรือ เพิ่มสินค้า
ถ้าคุณต้องการแก้ไขรูปภาพสินค้าจากสินค้าที่เคยลงไปก่อนแล้ว “All Listings” หรือ สินค้าทั้งหมด และคลิกเลือกไอคอน edit ที่อยู่ด้านล่าง
แต่ถ้าคุณจะลงวิดีโอสินค้าสำหรับสินค้าใหม่ให้ไปที่ “Create Listing” หรือ เพิ่มสินค้า
เลือกไฟล์วิดีโอ
เลื่อนไปที่ “Listing Video” คลิกเลือก “Select Video” และเลือกไฟล์วิดีโอที่คุณต้องการ
เลือกว่าวิดีโอสินค้าไหนจะเป็นวิดีโอสินค้ารูปแรก
- ถ้าคุณต้องการให้วิดีโอสินค้าอยู่เป็นตำแหน่งแรก (วิดีโออยู่ก่อนหน้ารูปภาพสินค้าอื่นๆของสินค้านั้นๆ) ให้เลือก“Position 1” สำหรับ Video Position (default).
- ถ้าคุณต้องการให้รูปภาพสินค้าอยู่ตำแหน่งแรก ให้เลือกตำแหน่งของวิดีโอสินค้าเป็นตำแหน่งที่ 2 เลือก “Position 2” สำหรับVideo Position.
ตรวจสอบว่าวิดีโอได้อัปโหลดสมบูรณ์แล้ว
เช็กที่การจัดการสตูดิโอ : เช็กว่ามีไอคอนรูปวิดิโอขึ้นที่รายการสินค้านั้นมั้ย
เช็กที่หน้าสตูดิโอ: ถ้าตั้งค่าวิดีโอสินค้าเป็นหน้าปกของรายการสินค้านั้น วิดีโอจะเล่นเองโดยอัตโนมัติ
และส่วนนี้คือส่วนสุดท้ายของบทความนี้ค่ะ Pinkoi ใจดีแจก Tips สำหรับการสร้างวิดีโออย่างมือโปร ดีไซเนอร์สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการลงวิดีโอที่โซเชียลแพลตฟอร์มอื่นๆ อย่าง Instagram, Facebook, TikTok ได้ด้วย ! แต่ Pinkoi จะขอบคุณมาก ถ้าดีไซเนอร์จะใส่ลิ้งค์สตูดิโอของดีไซเนอร์บน Pinkoi ไว้ในแพลตฟอร์มอื่นๆด้วยนะคะ ❤️
Tips สำหรับการสร้างวิดีโออย่างมือโปร
- เลือก Theme
เลือกหัวข้อหรือธีมว่าคุณต้องการจะถ่ายวิดีโอไปในทิศทางไหน ในแต่ละวิดีโอ ควรเลือกคุณลักษณะของสินค้าขึ้นมา 1 อย่าง และพยายามหลีกเลี่ยงถ่ายทุกๆอย่างของสินค้าในคราวเดียวกัน การเลือก Theme จะทำให้คุณกำหนดจุดมุ่งหมายของคลิปได้ดียิ่งขึ้น คุณสามารถเลือกที่จะถ่ายทอดแต่ละคุณลักษณะของสินค้า เช่น รูปร่างของสินค้า, ฟังก์ชั่นต่างๆ
2. เลือกฉากหลังเรียบๆที่เข้ากับตัวสินค้า
พยายามหลีกเลี่ยงฉากหลังที่มีหลายสีและไม่ควรถ่ายวิดีโอที่มีตัววัตถุในเฟรมมากเกินไป ฉากหลังเรียบๆจะทำให้ตัวสินค้าโดดเด่น วิธีที่ง่ายที่สุดคือใช้กำแพงเรียบๆเป็นฉากหลัง
❌ มีวัตถุอยู่ในรูปมากเกินไป ทำให้สินค้าไม่โดดเด่น
⭕️ ฉากหลังเรียบๆทำให้สินค้าโดดเด่น
ตัวอย่างฉากหลังที่ทำให้สินค้าโดดเด่น
3. ใช้แสงให้พอดีและควบคุมรูรับแสง
ให้แสงออกมาข้างๆ ตัวสินค้า หลีกเลี่ยงแสงจากด้านหลังหรือแสงตรงๆที่ส่องกระทบด้านหน้าสินค้า เพราะอาจทำให้สินค้ามืดหรือสว่างเกินไปได้ ถ้าคุณใช้โทรศัพท์มือถือ คุณสามารถใช้ฟังก์ในมือถือหาแสงที่เหมาะสมได้
❌ สว่างเกินไป
⭕️ แสงที่พอดี
4. มืออย่าสั่น
ถ้าคุณไม่มีขาตั้งกล้อง คุณสามารถใช้ไม้selfie มาช่วยถือกล้อง หรือหากองหนังสือมาตั้งไว้เพื่อไม่ให้วิดีโอสั่น
5. อย่าให้ตัวสินค้าหลุดเฟรม
ระวังมุมและตำแหน่งของสินค้าในหน้าจอด้วย ตรวจดูว่าสินค้าไม่หลุดโฟกัสและอยู่ในเฟรม ถ้าคุณถ่ายด้วยโทรศัพท์มือถือใช้เส่น grids ช่วยไกด์ตำแหน่งของสินค้าในเฟรมได้
❌ หลุดเฟรม
⭕️ สินค้าอยู่ในเฟรม
6. จบหลังกล้อง(มือถือ)
ถ้าคุณต้องการ edit คลิปวิดีโอเพิ่ม เวลาถ่ายให้เหลือไว้สัก 1-2 วินาทีก่อนกดหยุดถ่ายทั้งตอนต้นคลิปและตอนจบคลิป และเพื่อหลีกเลี่ยงคลิปสั่นด้วย
แนะนำ 3 apps สำหรับตัดต่อวิดีโอ
- Youcam Video : ฟังก์ชั่นรีทัชรูป, มากกว่า 100 ฟิลเตอร์และ effects ช่วยให้คุณภาพของรูปภาพและวิดีโอดีขึ้น
- Capcut: ลูกเล่นเยอะ สามารถตัดต่อวิดีโอได้
- InShot: สามารถแก้ไขสัดส่วนวิดีโอได้ เพิ่มลูกเล่นให้กับวิดีโอ
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ดีไซเนอร์เข้าใจการลงวิดีโอสินค้าบน Pinkoi มากขึ้นนะคะ มาเพิ่มวิดีโอสินค้าบน Pinkoi เพื่อเพิ่มยอดขายของแบรนด์ให้เติบโตต่อไปนะคะ 😊