หลังจากที่ Pinkoi ได้ประกาศเพิ่ม สินค้าดิจิทัล เป็น Category ใหม่อย่างเป็นทางการเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
เราก็พบสถิติที่น่าสนใจของสินค้าดิจิทัลบน Pinkoi ดังนี้
487% ยอดขายเติบโตขึ้น
377% ยอดคำสั่งซื้อเติบโตขึ้น
300% ยอดเข้าชมเพิ่มขึ้นตั้งแต่มีสินค้าประเภทดิจิตัลบน Pinkoi ในปี 2022
โดยสินค้าดิจิทัลที่ขายดีบน Pinkoi ได้แก่ 6 ประเภทดังนี้
Digital Portraits, Paintings & Illustration
ความนิยม: ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️
ประเภทสินค้า: Customized Portrait, Printables
ความนิยม: ⭐️⭐️⭐️⭐️
ประเภทสินค้า: Digital Planner, Calendars, & Goodnote / Notion templates
ความนิยม: ⭐️⭐️⭐️⭐️
ประเภทสินค้า: Xmas Cards, Valentines’ Cards, Wedding Invitations
ความนิยม: ⭐️⭐️⭐️⭐️
ประเภทสินค้า: Font Design, Handwritten Fonts
ความนิยม: ⭐️⭐️⭐️⭐️
ประเภทสินค้า: Logo Design, Packaging Design
DIY Tutorials & Reference Materials
ความนิยม: ⭐️⭐️⭐️⭐️
ประเภทสินค้า: Crochet Dolls, Knitted Sweater, Needle Felt
และหลังจากในเดือนพฤศจิกายนนี้ Pinkoi จะปล่อยฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ดีไซเนอร์สินค้าดิจิทัลจัดการออเดอร์และส่งไฟล์ให้แก่ลูกค้าได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น!
3 จุดเด่นของฟีเจอร์ใหม่สำหรับสินค้าดิจิทัล
– ส่งไฟล์ง่ายขึ้น!
คุณสามารถส่งไฟล์ให้ลูกค้าโดยตรง ด้วยการเลือกตั้งค่าเป็น “ดาวน์โหลดทันที” สำหรับสินค้าสามารถดาวน์โหลดได้ทันทีหลังการชำระเงินหรือ “ดาวน์โหลดเมื่อผลิตเสร็จ”สำหรับสินค้าที่ต้องใช้เวลาในการ customize สำหรับลูกค้าแต่ละราย แถมยังสามารถกดดูพรีวิวไฟล์รูปภาพก่อนจัดส่ง เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของไฟล์ สามารถกำหนดวันหมดอายุของไฟล์ได้อีกด้วย!
– จัดการออเดอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ไม่พลาดทุกคำสั่งซื้อ จัดการทุกอย่างได้ในหน้าการจัดการสตูดิโอ ตั้งแต่การตั้งค่าสินค้า การส่งไฟล์ ไปจนถึงเช็คสถานะการดาวน์โหลด
– ช่วยเพิ่มยอดขาย
ลูกค้าสามารถดาวน์โหลดไฟล์ได้ทันทีหลังชำระเงิน ช่วยลดภาระไม่ต้องจัดส่งไฟล์ในภายหลังและเพิ่มยอดขายของแบรนด์!
Tips สำหรับดีไซเนอร์สินค้าดิจิทัล เพื่อเพิ่มยอดขายบน Pinkoi
– สร้างปุ่ม “ดาวน์โหลดทันที” & “ดาวน์โหลดเมื่อผลิตเสร็จ”ขึ้นมาในหน้าการจัดการสินค้า (ฟีเจอร์นี้จะปล่อยออกมาในต้นเดือนพฤศจิกายนนี้)
– ลงรายการสินค้ามากขึ้นช่วยเพิ่มยอดเข้าชมให้มากขึ้น
– โฟกัสที่การทำสินค้าพิเศษเฉพาะบุคคล (Personalized)
หากคุณไม่ได้เป็นดีไซเนอร์ขายสินค้าดิจิทัลบน Pinkoi แต่คลิกเข้ามาอ่านบทความนี้ แปลว่าคุณกำลังสนใจตลาดสินค้าดิจิทัลใช่มั้ยคะ 😊
3 เหตุผลว่าทำไมคุณควรขายสินค้าดิจิทัลในตอนนี้
- รูปแบบสินค้าไม่มีจำกัดรูปแบบ
สินค้าดิจิทัลนั้นมีหลากหลายรูปแบบ ไม่มีจำกัด ดังนั้น ในตอนนี้ Pinkoi จึงมีสินค้าดิจิทัลมากกว่า 7,000 ชิ้นแล้ว!
👉 ดูสินค้าดิจิทัลบน Pinkoi ได้ ที่นี่ - ลดค่าส่งและภาระต้นทุนค่าส่ง ทำให้คุณเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในต่างประเทศมากขึ้น
ไม่ต้องมามัวพะวงกับค่าจัดส่งระหว่างประเทศที่มีราคาสูง สินค้าดิจิทัลเป็นสินค้าที่เหมาะสมกับดีไซเนอร์มือใหม่ที่เริ่มต้น
แบรนด์ของตัวเอง
*จากสถิติระบบภายในของ Pinkoi พบว่าค่าขนส่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ลูกค้าลังเลในการซื้อของออนไลน์จากต่างประเทศ - มี passive income ได้ง่ายๆ
ถ้าคุณสร้างสินค้าดิจิทัลดีๆขึ้นมา เช่น งานดิจิทัลสำหรับพิมพ์ (printables), งานศิลปะดิจิทัล (digital artworks), การ์ดเชิญ (digital invitations) และ ดิจิทัลแพลนเนอร์ (digital planners) แล้วเป็นที่นิยมในคนหมู่มาก ก็เป็นไปได้ที่จะได้รับรายได้จากผลงานชิ้นนั้นไปเรื่อยๆ หรือที่เราเรียกว่า passive income
👉 ลองดูไอเดียสินค้าดิจิทัลจากดีไซเนอร์ต่างชาติ
ถ้าต้องการขายสินค้าดิจิทัล ควรเริ่มต้นอย่างไร?
1. รู้กลุ่มลูกค้าของแบรนด์คุณ
สินค้าอะไรที่ขายดีสำหรับคุณ?
2. เลือกประเภทสินค้าที่ใช่
งานศิลปะหรือภาพวาดใดสามารถดัดแปลงให้มาอยู่ในรูปแบบของสินค้าดิจิทัลได้?
3. โอกาสในการใช้
ใช้ในชีวิตประจำวัน, ให้เป็นของขวัญ, วันหยุดหรือเทศกาล, หรือเพื่อการศึกษา
4. ราคา
คุณใช้เวลาเท่าไหร่กับงานดีไซน์แต่ละแบบ และมูลค่าการตลาดโดยเฉลี่ยนั้นเท่าไหร่?
ฟีเจอร์ใหม่สำหรับสินค้าดิจิทัลใกล้จะปล่อยออกมาภายในต้นเดือนพฤศจิกายน 2565 โปรดติดตามกันนะคะ 🙂 ในบทความหน้าจะเป็นวิธีการตั้งค่าฟีเจอร์ใหม่สำหรับสินค้าดิจิทัลค่ะ