เด็กหญิงในชุดสีฟ้าจนตอนนี้ได้เติบโตขึ้นแล้ว แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย คือการมองโลกในแง่ดี ดีเทลเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตที่ทำให้มีความสุขได้ เขื่อว่าถ้าใครเป็นแฟนของ ease around ตัวยงต้องจำคาแรคเตอร์เด็กหญิงผมสั้น ชุดฟ้า ที่ค่อยๆ เติบโตเป็นเด็กสาวผมยาวแล้วในวันนี้ได้อย่างแน่นอน ย้อนความทรงจำและดูพัฒนาการของเด็กสาวคนนี้ได้ที่บทความ “ค่อยๆเติบโตเป็นผู้ใหญ่ไปพร้อมๆกันกับ ease around“ และปัจจุบันของ ease aorund จะเป็นอย่างไรและวางแผนอนาคตไว้เป็นแบบไหน มาอ่านกันได้ที่บทความนี้เลย
จุดเริ่มต้นและคอนเซ็ปต์ของ Ease Around
เคมีที่เข้ากันได้อย่างลงตัวระหว่าง คุณชัยวัฒน์ อุทัยกรณ์ (คุณป้อ) จบการศึกษาจากคณะศิลปศาสตร์ สาขาภาษาอังกฤษและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ผู้ที่มีความสนใจในเรื่องการเอางานวาดไปอยู่บนสิ่งต่างๆ ที่มากกว่ากระดาษ และคุณวริษฐา จงสวัสดิ์ (คุณตาล) จบการศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ สาขาการโฆษณา มหาวิทยาลัยรังสิต ผู้ที่มีความสนใจในศาสตร์ของสี และการจับคู่สีสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวัน
ทั้งคู่เคยทำงานในออฟฟิศเดียวกัน เมื่อได้เริ่มคุยกันก็เริ่มแชร์ความสนใจของแต่ละคน ทั้งคู่ได้พบว่าสนใจอะไรหลายๆ อย่างเหมือนกัน เลยเริ่มคิดเป็นโปรเจกต์ที่จะทำอะไรสนุกๆ กัน แรกที่สุดเลย คิดจะทำสมุดพก To do list ที่ไว้สำหรับเขียนลิสต์งานที่ต้องทำในหนึ่งวัน ตอนแรกตั้งใจว่าจะทำไว้ใช้เอง แจกพี่ๆ ในออฟฟิศของทั้งคู่ แต่ด้วยความที่ตอนนั้นยังอ่อนประสบการณ์ ยังไม่รู้เรื่องการพิมพ์และการออกแบบที่ใช้งานได้จริงใดๆ ทำให้โปรเจกต์นี้ล่มไปอย่างรวดเร็ว
แต่ทั้งคู่ยังไม่หมดความพยายาม จากนั้นได้กลับมาเริ่มใหม่อีกครั้ง ด้วยการวางแผนที่ละเอียดขึ้น ด้วยความที่คุณตาลจบโฆษณามา ทำให้สามารถใช้ความรู้ที่เรียนมา มาช่วยในการวางแผนครั้งนี้ได้มากๆ ทั้งการมองหา target การกำหนด art direction ของแบรนด์
ทั้งคู่จึงเริ่มทำแบรนด์ที่ชื่อ ease around โดยชื่อนี้มาจากการที่เราชอบคำว่า ease เหมือนกัน เพราะฟังดูแล้วมีความสบายๆ อยู่ในคำ และก็นำมาเติม around เข้าไป เพราะเราอยาก go around ไปกับการลองทำสิ่งต่างๆ ไปกับโปรเจกต์นี้ โดยอยากทำสิ่งของ เครื่องเขียนที่เราสามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ปัจจุบันทำแบรนด์ ease around มาแล้วประมาณ 3 ปีนิดๆ
แนะนำสินค้าที่โดนใจดีไซเนอร์
ขอยกตัวอย่างงานที่หลายๆ คนจะจำได้จาก ease around คือที่คั่นหนังสือแม่เหล็ก งานชิ้นนี้เกิดจาก pain point ของการที่คุณป้อมักจะโดนคุณตาลดุเสมอ เวลาที่เราพับมุมหนังสือ เพราะคุณตาลไม่ชอบให้หนังสือเป็นรอยพับ ทั้งคู่จึงคิดว่า ถ้ามันจะมีอะไรมาช่วยคั่นหนังสือ พกพาง่าย ใช้งานได้นานๆ และมีดีไซน์น่ารักๆ แบบที่ทั้งคู่ชอบ ก็น่าจะดีนะ
จากนั้นจึงเริ่มหาวัสดุและผู้ผลิตที่จะตอบสนองไอเดียของ ease around ได้ ช่วงนั้นทั้งคุณตาลและคุณป้อหมดพลังไปกับการตามหาผู้ผลิตที่คั่นหนังสือนี้ไปเป็นเวลาเกือบเดือน จนสุดท้ายก็สามารถผลิตสิ่งที่ต้องการออกมาได้สำเร็จ ช่วงนั้นตื่นเต้นมาก และทำให้ทั้งคู่อยากอ่านหนังสือทุกวัน
หลังจากนั้น ease around ก็เริ่มลองทำที่คั่นหนังสือเป็นสีต่างๆ บ้าง เป็นแบบภาพวาดบ้าง ออกแบบแพกเกจให้มีขนาดพอเหมาะ สามารถซื้อฝากเป็นของขวัญได้ และคิดว่างานชิ้นนี้ยังสามารถพัฒนาไปต่อได้เรื่อยๆ เลย อยากฝากทุกคนติดตามกันด้วยนะ
อีกชิ้นที่ไม่แนะนำไม่ได้เลยคือ ปฏิทินผ้า 2021 ที่ ease around วาดขึ้นมาจากไอเดียที่ทั้งคู่รู้สึกกับมันเป็นการส่วนตัว ปฏิทินปีนี้เราทำขึ้นมาในไอเดีย “ I ENJOY WATCHING YOU GROW” พูดถึงการมีความสุขกับการเฝ้ามองสิ่งต่างๆ รอบตัวเติบโตขึ้นทีละน้อยๆ มันทำให้เรากลับมามองตัวเองว่าที่ผ่านมา เราเปลี่ยนไปมากแค่ไหนจากอดีต มีอะไรที่เติบโตขึ้น มีอะไรที่สูญเสียไปในระหว่างทาง และเคลือบไอเดียนี้ไว้ด้วยภาพวาดน้อง ease ที่ทุกคนคุ้นเคย มีความเรียบง่าย ดูสบายๆ เหมาะกับการนำไปตกแต่งห้อง และคอยย้ำเตือนเราไปได้ตลอดทั้งปี
โมเมนต์สุดประทับใจของการทำแบรนด์กับคู่รัก
พอทำแบรนด์มาได้ซักระยะ เราก็ได้รับโอกาสใหญ่จาก pinkoi ที่ให้เราได้เข้าร่วม Pinkoi Market ทั้งที่ฮ่องกง และไต้หวัน สิ่งนี้เปิดโลกให้กับ ease around เป็นอย่างมาก เราได้มีโอกาสได้พบกับคนที่เคยสั่งซื้องานเราจากต่างประเทศ และได้พูดคุยกับพวกเขาตัวเป็นๆ คิดว่าโมเมนต์ที่ประทับใจที่สุดของคนทำแบรนด์คือ การที่ได้เห็นคนที่ชื่นชอบงานเรา มาพูดคุยและบอกชอบงานเราต่อหน้าเลย สิ่งนี้เพิ่มพลังใจให้กับพวกเรามากๆ เลยนะ
คุณป้อและคุณตาลได้กล่าวเช่นนี้ ทีมงานก็อดยิ้มยินดีไม่ได้ และขอส่งกำลังใจ เป็นแฟนคลับตลอดไปนะคะ 🤟🏻
เคล็ดลับสร้างรักและธุรกิจให้คู่กันอย่างราบรื่น
จริงๆ แล้วการทำงานร่วมกันก็คงจะหลีกเลี่ยงการปะทะไม่ได้เลย ต้องมีอยู่แล้ว แต่เราต้องชัดเจนว่า สิ่งที่เรากำลังถกเถียงกันอยู่ คือเพื่อให้ได้งานที่ดีออกมา ถ้าเราใช้งานเป็นเป้าหมายในการถกเถียง ก็ถือว่าเป็นการปะทะที่มีจุดหมาย คือเพื่อผลลัพธ์ที่ดีมากๆ รออยู่ปลายทาง เรียกได้ว่าการถกเถียงกันนี้เป็นส่วนที่ทำให้ทั้งคู่เข้าใจและเพื่อความสำเร็จในอนาคตของทั้งคู่นี้เอง
สุดท้ายรู้สึกอย่างไรกับการทำแบรนด์กับคนรักบ้าง
รู้สึกว่าการได้ทำงานร่วมกับคนที่สนิทกันมากๆ ก็จะลดเวลาของการสื่อสารไปได้เยอะ เพราะบางทีเราทั้งคู่ต่างก็สามารถอ่านใจได้ว่าถ้ามีสิ่งนี้เกิดขึ้น ทั้งคู่จะต้องรับมือกับสิ่งนี้อย่างไร โดยที่บางครั้งก็ไม่ต้องสื่อสารอะไรให้มากมายเลย มองตาก็รู้ใจเลยล่ะ
การวางแผนในอนาคต
ตอนนี้คุณตาลและคุณป้อ ease around ยังสนุกกับการทดลองทำอะไรสนุกๆ ไปเรื่อยๆ ในวัสดุใหม่ วิธีการใหม่ๆ อยู่ เพื่อเป็นสีสันเล็กๆ น้อยๆ ให้กับวงการนี้ ยังไง ease around ขอฝากเนื้อฝากตัวกับทุกคนด้วยนะ ฝากติดตามพวกเราได้ทาง pinkoi สตูดิโอ https://th.pinkoi.com/store/easearound นี้เลย 😊
อยากเริ่มขายของออนไลน์ก้บ Pinkoi ยากมั้ย?
ไม่ยากเลย เพียงแค่คุณเป็นผู้ออกแบบสินค้าเอง สินค้าทำมือ สินค้าออกแบบ สินค้าลิขสิทธิ์ที่มีใบรับรองอย่างถูกต้อง แค่ส่งใบสมัครออนไลน์ รอผล 1 สัปดาห์ ทางทีมงานจะแจ้งผลการสมัครผ่านอีเมลที่คุณได้ทำการสมัครเข้ามา
5️⃣ ขั้นตอนการเปิดสตูดิโอบน Pinkoi
1.อ่านรายละเอียดการสมัครเปิดสตูดิโอที่นี่
2.กดปุ่ม “ฉันอยากเปิดสตูดิโอ”
3.กรอกข้อมูลของคุณและของแบรนด์ ใส่ชื่อแบรนด์ แนบลิงก์รูปจาก Facebook / Instagram
4.กดส่งใบสมัครผ่านระบบออนไลน์
5.รอทีมงานแจ้งผลการสมัครภายใน 1 สัปดาห์ ผ่านอีเมลที่คุณได้ทำการสมัคร