Hello~welcome to… Bearmoo Family วันนี้ทีมงาน Pinkoi จะพาเพื่อนๆ มารู้จักจุดเริ่มต้นของครอบครัวแบร์หมูจากสองดีไซเนอร์สาว อารมณ์ดี ที่ชอบสะสมหนังสือภาพ สารพัดของกุ๊กกิ๊ก ของไร้สาระ Packaging สวยงาม และอาหารอร่อย ปิ้งย่าง บุฟเฟ่ต์ ขนม ของหวาน หนังสยองขวัญ กับ การสร้างคาแรคเตอร์แบรนด์ Bear.Collective จากไลฟ์สไตล์ของพวกเธอ ที่ชอบทำมากๆ นั้นก็คือ การกินและหิวตลอดเวลา
ความลับ!! ที่แอบซ่อนอยู่ในสินค้าดีไซน์แต่ละชิ้น อย่าเพิ่งตกใจไปนะ ความลับที่ว่า คือ Story Teller เรื่องเล่าในงานดีไซน์นั้นเองจ้า แต่ละชิ้นงานจะมีเรื่องราวสนุกๆ ซ่อนอยู่ พร้อมแล้วมาทำความรู้จัก Bearmoo Family กันเลย!
~ BEING HAPPY WITH FRIEND, YOU ARE BEARMOO FAMILY ~
เริ่มกันที่ภาพดีไซเนอร์ ผู้สร้าง Bearmoo Family ขึ้นมา คุณหมั่นโถว & คุณลูกหมู นั้นเอง
เมื่อเพื่อนๆ ทำความรู้จักดีไซเนอร์ไปแล้ว มาดูจุดเริ่มต้นของแบรนด์ Bear.Collective ว่าคืออะไร?
หมั่นโถว : เริ่มต้นจากการที่เราสองคนมีความสนใจเหมือนกัน เราทำแบรนด์นี้ขึ้นเพื่อขายของสะสมของศิลปินที่พวกเราสนใจ ในการขายของแต่ละครั้งลูกหมูจะถ่ายรูปและเติมคาแรคเตอร์เข้าไปทำให้รูปน่าสนใจมากขึ้น ทำให้ค่อยๆ มีคาแรคเตอร์โผล่มา
ลูกหมู: ได้วาดครั้งแรกตอนทำ Logo ร้านเลยค่ะ เราเอาคาแรคเตอร์ของเราสองคนมาใส่ในแบร์หมู เพราะพี่หมั่นโถวตัวสูงเหมือนหมีและตัวเราเองก็ชื่อลูกหมู ก็เลยรวมกันเป็นหมีจมูกหมู เพิ่มความสนุกด้วยหัวแอปเปิ้ล เกิดเป็นหมีหมูตัวนี้
หมั่นโถว : ก็เริ่มมีคนชอบและสนใจแบร์หมู พวกเราก็เลยเริ่มใส่เรื่องราว สร้างคาแรคเตอร์ให้กับแบร์หมูโดยดึงเรื่องราวมาจากความชอบของเราสองคน และสร้างคาแรคเตอร์ให้ใกล้เคียงกับพวกเรามากที่สุด (อ้วนและหิวตลอดเวลา )
แล้วได้แรงบันดาลใจมาจากอะไร?
เร่ิมจากอะไรเล็กๆ น้อยๆ รอบตัวในชีวิตประจำวัน ของกิน ของกุ๊กกิ๊กรอบตัวที่สะสม หนังที่ดู หรือศิลปินที่เราติดตามใน Instagram
สไตล์และคอนเซ็ปต์ของแบรนด์คืออะไร?
แบร์หมูเป็นคาแรคเตอร์ที่ดึงออกมาจากพวกเราทั้งสองคนค่ะ เป็นมุมเล็กๆ ที่เราอยากแชร์ให้ทุกคนได้สนุกกับเรา เหมือนเล่าให้เพื่อนฟัง นอกจากนี้ความสนุกของเราไม่ใช่แค่สีสันสดใส และ คาแรคเตอร์ยิ้มแย้มเท่านั้น แต่ยังมี story และกิมมิคเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ในงานให้คนได้ติดตาม มี interact กับ Product ได้ด้วย
เราเชื่อว่ามุมเล็กๆ ของแบร์หมูนี้จะไปตรงใจกับใครหลายๆ คนและกลายมาเป็นครอบครัวแบร์หมูด้วยกันนะคะ สไตล์ของแบรนด์เราขอแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ #1 Story Teller เรื่องเล่าในงานดีไซน์ + #2 ความสนุก กิมมิคที่ซ่อนอยู่ใน product
#1 Story Teller เรื่องเล่าในงานดีไซน์
ด้วยความชอบดูซีรี่ย์ ชอบดูหนัง ทำให้เวลาเราช่วยกันคิด Product เรามักจะไม่ได้จบ แค่การวาดสินค้าเพียงชิ้นเดียวเลย เรามักจะคุยเล่นแต่งเรื่องราวของตรีมนั้นๆ เล่าออกมาเป็นฉากๆ สนุกๆ กัน ซึ่งบางครั้งมันก็ เอ๊ะ! เอามาใช้ได้จริงๆ เช่น Collection Bearmoo Camp ล่าสุด ในแต่ละ Product ถ้ามองดูดีๆ แล้วทั้งหมดจะมีเรื่องราวต่อเนื่องกันอยู่ จากแค่ main idea ไปเที่ยวตั้ง camp กัน กลายมาเป็นเรื่องราว ต้น กลาง จบ เกี่ยวกับระหว่างการไปเข้า camp ซึ่งเอาจริงๆ ตอนนี้ลูกค้าอาจจะยังมองภาพไม่ออก เราก็แพลนไว้ว่าจะใช้ Instagram เป็นตัวเล่าเรื่องราวให้ลูกค้าฟังด้วย
#2 ความสนุก กิมมิคที่ซ่อนอยู่ใน Product
ความตั้งใจของพวกเราทั้งสองคน อยากให้ทุกคนที่ได้ของ Bear.Collective ไป สนุกกับ product ชิ้นนั้นๆ ไปด้วย ถ้าลูกค้าซื้อโปสการ์ดไป อยากให้เป็นมากกว่าโปสการ์ด 1 ใบ ในโปสการ์ด Bearmoo Family มาจากไอเดียที่ว่า พอมีคาแรคเตอร์เยอะๆ แล้วอยากมีภาพครอบครัวแบร์หมูรวมทุกคนขึ้นมา เรานึกถึงภาพถ่ายครอบครัวที่มีคนเยอะมากๆ และก็ได้เป็นไอเดียทำเป็นโปสการ์ดที่สามารถเอามาต่อกันไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นภาพครอบครัวที่ยาวแบบไม่สิ้นสุดและเราคิดว่า mood & tone ของเราคือ HAPPY, CHILDLIKE, ENJOYABLE
อุปสรรคในการออกแบบหรือการทำแบรนด์ Bear.Collective คืออะไร?
ลูกหมู : สำหรับลูกหมูมีความท้อแท้บ้าง เวลาลงขายสินค้าใหม่แล้วบรรยากาศเงียบเหงา ไม่มีคนทักมา 5555 ทั้ง ที่เราตื่นเต้นและตั้งใจปั้นมันมามาก ยิ่งตอนนี้เป็นยุคโควิท-19 ไม่มี event ให้เราไปออกเพื่อได้เจอกับลูกค้าตัว ได้เห็น react ลูกค้า และลูกค้าก็ได้เห็นได้จับของสินค้าดีไซน์เราจริงๆ แต่ก็ฮึบ…เราจะสู้ขยันอัพ content online ให้ลูกค้าเห็นความน่ารักครอบครัวแบร์หมูให้ได้
หมั่นโถว : เวลาค่ะ เนื่องจากพวกเราสองคนมีงานหลักเป็นดีไซเนอร์แล้ว ทั้งสองคนก็มีงานประจำของตัวเองด้วย และความขี้เกียจในบางครั้ง ทำให้พวกเราก็ไม่มีเวลาในการดูแลแบร์หมูมากเท่าไร แต่เวลาที่ได้ออกสินค้าใหม่ๆ มา และ ได้ไปออกงานอีเว้นท์ ก็จะได้รับการตอบรับที่ดีมากๆ จากลูกค้าทำให้เป็นแรงฮึด ให้พวกเราได้หาเวลามาดูแลแบร์หมูกัน
*นำภาพบรรยากาศโต๊ะทำงานของดีไซเนอร์มาฝากเพื่อนๆ ชาว Pinkoi ด้วยนะ
เป้าหมายในอนาคตของแบรนด์คืออะไร?
อยากให้ทุกคนได้รู้จักแบร์หมูมากขึ้นทั้งในไทยและต่างประเทศ อยากพัฒนาแบร์หมูไปใน product อื่นๆด้วย นอกจากสติกเกอร์ มาสกิ้งเทปและพวงกุญแจ พวกเราชอบที่จะได้เห็นแบร์หมูไปอยู่ในสินค้าแบบต่างๆ ได้ทดลองงานพิมพ์ใหม่ ทดลองงานผลิตแบบใหม่ๆ อยากให้ผลงานเล็กๆ กลายเป็นของสะสมที่ทุกคนชอบค่ะ
ช่วยเล่าถึงงานดีไซน์ชิ้นที่ชอบที่สุดหรือภูมิใจที่สุดหน่อย
ลูกหมู : ชอบ Poster Camp มากที่สุด เพราะส่วนตัวแล้วตอนที่ทำได้ปลดล็อคตัวเองหลายอย่างตอนวาด แบบฮ้ย!! นี่เราวาดแบบนี้ได้หรอเนี้ย แล้วก็ชอบ Family Postcard เพราะเป็นซีรี่ย์ที่เอามาต่อกันได้ไม่รู้จบ ทำให้คนสะสมและติดตามได้ ไม่ได้ซื้อครั้งเดียวแล้วจบค่ะ
หมั่นโถว : ชอบ CAMPING SERIES เป็นงานที่พวกเราเริ่มพัฒนาสินค้าให้มีหลากหลายมากขึ้น การวาดภาพของลูกหมูในซีรี่ย์นี้มีการเติมรายละเอียดและเรื่องเล่าเข้าไปได้น่ารักมากๆ เราชอบซีรี่ย์นี้มาก เพราะเหมือนได้เห็นแบร์หมูโตขึ้นไปในอีกระดับนึงและได้เห็นลูกหมูสนุกกับมันด้วย
มีอีกอันที่เราก็ชอบ นั่นคือ Icecream sticker ตอนที่เริ่มทำซีรี่ย์นี้ เราอยากทำให้ลูกค้าได้สนุกกับการแปะสติกเกอร์ ก็เลยเกิดเป็นไอเดีย ที่ให้ทุกคนได้สร้างสรรค์ไอติมในแบบของตัวเอง โดยเราวาดไอติมและท้อปปิ้งรสต่างๆ ให้ทุกคนได้เลือกทำไอติมถ้วยโปรดของตัวเอง นอกจากนั้นยังได้ลอง material สติกเกอร์แบบใหม่เพื่อให้ตรงโจทย์กับไอเดียการทำไอติมด้วย
งานดีไซน์ที่ดีสำหรับทั้งสองคนคืออะไร?
ลูกหมู : รู้สึกว่าเราจะไปขีดเส้นดีไม่ดีในงานดีไซน์ไม่ได้ เราว่ามันดีหมดนะ สำหรับดีไซเนอร์แต่ละคนที่สร้างสรรค์ คลอดงานออกมา ด้วยความตั้งใจและสิ่งที่ตัวเองสะสมมา แค่งานดีไซน์นั้นมันต้องไปอยู่ถูกที่ถูกทาง หาที่วางที่ถูกต้องให้เจอ ให้กับคนที่เข้าใจและชอบแนวนั้นเหมือนกันได้เห็น ก็จะโป๊ะเชะโดนใจ ลงล็อคที่สุด!
หมั่นโถว : งานดีไซน์ที่คนเห็นแล้วชอบ สนุกไปกับการเข้าใจในงานนั้นๆ และ งานดีไซน์ที่ดีต้องเป็นงานที่ไม่หยุดพัฒนาเพราะงานที่ถูกพัฒนามาเรื่อยๆ จะทำให้งานนั้นดีขึ้นไปเรื่อยๆ ค่ะ
มีคำแนะนำที่ให้กับดีไซเนอร์มือใหม่บ้างมั้ยคะ?
ลูกหมู : วาดเยอะๆ ให้เวลาตัวเองพัฒนาร่าง ไม่กดดันตัวเอง เพราะแต่ละคนมีช่วงเวลาและประสบการณ์ไม่เหมือนกันค่ะ
หมั่นโถว : ในการออกแบบลองมองหาไอเดียจากเรื่องราวรอบๆ ตัว เรื่องที่เราสนใจ บางทีเรื่องเล็กๆ น้อยก็จะกลายเป็นไอเดียที่น่ารักได้ค่ะ
เหตุผลที่เลือกเข้าร่วม Pinkoi?
ลูกหมู : เป็นศูนย์รวมร้านค้ากุ๊กกิ๊กที่เหมาะกับ Product ของเราแบร์หมูมากๆ เพิ่มโอกาสให้ชาวต่างชาติได้เห็นแบรนด์และผลงานของเรา รู้สึกว่า Pinkoi ไม่ใช่แค่พื้นที่สำหรับขายของ แต่ยังสนับสนุนดีไซเนอร์และสร้าง Community สำหรับดีไซเนอร์ด้วย
พอได้เข้าร่วม Pinkoi แล้วมีลูกค้าที่ประทับใจหรืออะไรที่รู้สึกน่าสนใจที่สุดบน Pinkoi ?
มีค่ะ เป็นลูกค้าคนไต้หวันกดซื้อสติกเกอร์ไปเยอะมาก และ สุดท้ายเค้าจะมาเที่ยวกรุงเทพฯ พอดี เลยมีโอกาสได้นัดรับของกัน เป็นครั้งแรกที่มีลูกค้าต่างชาติ เมื่อได้เจอได้ให้ของเค้ากับมือแล้วก็รู้สึกประทับใจเล็กๆ ที่ผลงานของเรามีคนต่างชาติสนใจด้วย
อีกอย่างประทับใจเวลาที่ Pinkoi มี event ชอบที่ได้เห็นบรรยากาศการรวมตัวเหล่าดีไซเนอร์ ได้เจอตัวจริงของดีไซเนอร์ที่เราแอบกรี๊ด ชื่นชอบมานาน ช่วงปีที่แล้ว ได้ไป event Pinkoi Market 2020 ที่มีชาวต่างชาติมาร่วมด้วย กรี๊ดหนักมากเพราะได้เจอดีไซเนอร์ แบรนด์ Pu pu pu คนญี่ปุ่นที่ทำกระเป๋าดินสอแซนด์วิซ เลยได้บอกเค้าไปว่าเราเป็นแฟนคลับ 5555
ตามมาดูความน่ารักของสตูดิโอ pupupu กันได้ที่นี่ คลิก
อันนั้นในมุมลูกค้าด้วยก็รู้สึกว่า Pinkoi ได้เชื่อมดีไซเนอร์มาเข้าใกล้ลูกค้ามากขึ้น และในขณะเดียวกันในมุมดีไซเนอร์ เราก็หวังว่าสักวัน จะได้มีโมเมนต์แบบนั้นกับลูกค้าเหมือนกันค่ะ ไหนๆ ช่วงนี้ก็ต้องห่างกันสักพัก เพื่อนๆ เข้าไปกดติดตามสตูดิโอ Bear.Collective จะได้สัมผัสความน่ารักของน้องแบร์หมูกันอย่างใกล้ชิดนะ
*กดติดตามสตูดิโอได้ที่นี่ คลิก
ยังมีสินค้าดีไซน์สีสันสดใส น่ารักๆ อีกเพียบ ตามเข้ามาดูกันได้ คลิกที่นี่
ทีมงาน Pinkoi ต้องขอขอบคุณ ดีไซเนอร์แบรนด์ Bear.Collective ที่สละเวลามาพูดคุยและแชร์ประสบการณ์เกี่ยวการสร้างงานดีไซน์คิ้วท์ๆ มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
ปล.ขอทิ้งท้ายบทสัมภาษณ์ นี้ไปด้วยภาพความน่ารักของ Bearmoo Family ที่อยากส่งความห่วงใยมาให้ทุกคนค่า~