บางครั้งเราอาจจะหลงลืมบางความทรงจำ เรื่องราวระหว่างของการเดินทางสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ไหนสักแห่ง ห้วงลึกของกล่องความทรงจำมากมายในความคิดของเรา หลายครั้งที่บางทีกิจกรรมในแต่ละวันมันช่างมากมายเต็มไปหมดจนทำให้ไม่ได้มีเวลามองหาแรงบันดาลใจเพื่อสร้างเป็นแรงผลักดัน ขับเคลื่อนจิตใจ จนทำให้บางทีเราหมดกำลังใจต่อการทำสิ่งนั้นไปโดยไม่รู้ตัว
วันนี้ทีมงาน Pinkoi จะพาทุกคนมาออกตามหาแรงบันดาลใจที่สามารถมองเห็นและสัมผัสได้ด้วยบทสัมภาษณ์คุณเอ็ม สุขุม ชาวนาป่า หนึ่งในดีไซน์เนอร์ แบรนด์ Aevari ผู้ถักทอเรื่องราวต่างๆ ส่งต่อความหมายดีๆ กลายเป็นแรงบันดาลใจผ่านเครื่องประดับทุกชิ้นที่ลงมือทำ แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนเราก็ยังคงสัมผัสถึงมันได้เสมอ
จุดเริ่มต้นของแบรนด์ Aevari
แบรนด์ Aevari เริ่มจากความรู้สึกที่อยากจะเก็บประสบการณ์ของการอยู่ในสถานที่หนึ่งเอาไว้ในแบบที่ไม่หวือหวา แต่ก็ลึกซึ้งเพราะ Aevari เชื่อว่าการเดินทางและประสบการณ์ที่แต่ละคนได้รับนั้นไม่เหมือนกัน ดังนั้น Aevari จึงต้องการที่จะสร้างผลงานที่หลากหลายเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการคงอยู่ของแต่ละคนออกมา
แรงบันดาลใจของการดีไซน์มาจากอะไร
เมื่อเราไปเที่ยวหรือเมื่อเราพบเจอบางประสบการณ์ที่ลืมไม่ลง เรามักจะอยากถ่ายรูปเก็บไว้ แต่บางสถานการณ์ รูปภาพนั้นอาจไม่เพียงพอ แม้ว่าจะเขียน บางความรู้สึกนั้นก็ไม่สามารถกลั่นออกมาเป็นคำพูดได้โดยง่าย Aevari จึงต้องการจะสร้างช่องทางใหม่ของการสื่อสารขึ้นมาสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของช่วงเวลานั้นๆ ซึ่งแรงบันดาลใจของแบรนด์ Aevari เกิดจากความต้องการที่จะเก็บความรู้สึกและความทรงจำเอาไว้ในรูปแบบที่แตกต่างออกไป ผ่านสิ่งที่มีค่าซึ่งก็คือ Jewelry ให้สอดคล้องกับคุณค่าของประสบการณ์ที่ต้องการจะเก็บเอาไว้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ตาม
สิ่งที่ดีไซน์เนอร์รักคืออะไร?
“ รักในการออกแบบในที่นี้ หมายถึง การที่เราได้แสดงความคิดเห็นลงไปในงานของเราโดยไม่มีขีดจำกัด ”
เมื่อสร้างผลงานต่างๆ ขึ้นมาตามคอนเซ็ปต์ที่คิดเอาไว้ มันคือ การที่ได้เข้าไปในโลกที่ไม่มีถูกหรือผิด ได้ทดลอง ได้สร้างสรรค์ ความไม่มีขีดจำกัดนั้นเป็นสิ่งที่เอ็มรักในการสร้างผลงาน ในฐานะของดีไซเนอร์ อิสระในการที่สามารถถ่ายทอดความรู้สึก ความคิด หรือการตีความของตนเข้าไปในผลงานได้โดยที่ไม่มีข้อบังคับเป็น สิ่งนี้คืออีกทางหนึ่งที่สามารถแสดงออกถึงความรู้สึกนึกคิดของดีไซเนอร์ออกมาได้อย่างซื่อตรง การทดลองมองหาวิธีใหม่ๆ เพื่อที่จะสื่อถึงความรู้สึกมากมายที่มี เป็นสิ่งที่เอ็มรักที่สุดในการออกแบบ
ช่วยเล่าถึงคอนเซ็ปต์และสไตล์ของแบรนด์ Aevari
คอนเซ็ปต์ของแบรนด์ Aevari คือน้ำ เพราะน้ำเมื่อกำลังไหลนั้นเป็นสิ่งที่ไม่หยุดนิ่ง เปลี่ยนแปลงพลิกแพลงไปได้เรื่อยๆ และเต็มไปด้วยชีวิตชีวา เวลาที่สงบนิ่งก็สามารถจะสะท้อนภาพกลับไปหาคนมองได้ ดังนั้นน้ำจึงเป็นแรงบันดาลใจหลักของแบรนด์ Aevari ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ต้องการสร้างผลงานที่เกิดจากประสบการณ์และความรู้สึก
Aevari ต้องการที่จะเป็นน้ำที่นำพาความสดชื่นมาให้ ในขณะเดียวกันก็สามารถที่จะสะท้อนกลับถึงประสบการณ์ต่างๆ ของผู้สวมใส่ได้เช่นกัน เป็นสิ่งที่สามารถซึมซับเข้าไปในชีวิตของผู้คนโดยไม่จำเป็นจะต้องเปลี่ยนแปลงใคร แต่ต้องการให้แต่ละคนมีกำลังใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่
สไตล์ของ Aevari นั้นเป็นสไตล์ร่วมสมัยโดยที่หลักๆ นั้นจะเน้นความเรียบง่าย แต่ก็มีการพลิกแพลงบางจุดให้เกิดความน่าสนใจ เพราะ Aevari ต้องการจะให้ชิ้นงานดีไซน์เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน สิ่งที่แบรนด์ต้องการคือการเป็นเครื่องประดับที่ทำให้นึกถึงช่วงเวลาดีๆ เมื่อมองเห็นและสร้างกำลังใจ ความรู้สึกดีๆ ให้กับผู้ที่สวมใส่
ดังนั้นชิ้นงานส่วนใหญ่มักจะคำนึงถึงสถานการณ์ที่ผู้สวมใส่ต้องใช้เอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นตอนไปเที่ยว ตอนที่ไปสมัครงานหรือไปออกเดท ดังนั้น ชิ้นงานแต่ละชิ้นจึงค่อนข้างหลากหลายเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์และในขณะเดียวกันก็ไม่หวือหวา เข้าใจยากจนเกินไป
*ตามมาอ่านเรื่องราว แรงบันดาลใจของเครื่องประดับแต่ละชิ้นเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก
ความฝันของแบรนด์และความฝันของดีไซน์เนอร์คืออะไร?
“อยากให้ผลงานที่สร้างสรรค์ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ หรือ ให้ความรู้สึกดีกับผู้ที่สวมใส่ ไม่ต้องชอบมากก็ได้ แต่ก็ทิ้งไม่ลง”
ความฝันของแบรนด์และดีไซน์เนอร์ คือ การสร้างสรรค์ผลงานที่ก่อให้เกิดความผูกพัน ความเชื่อมโยงกันทางความรู้สึกระหว่างดีไซน์เนอร์และผู้สวมใส่ เป็นการสื่อสารผ่านทางชิ้นงานดีไซน์ ความเข้าใจในความหมายที่ต้องการจะสื่อนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญกับชิ้นงานมาก ดังนั้นทั้ง Aevari และ ดีไซน์เนอร์เองต่างก็ต้องการที่จะให้ผลงานที่สรรค์สร้างขึ้นมานั้นสามารถสื่อสารกับผู้บริโภคถึงช่วงเวลาดีๆ ที่เคยพบเจอมาเหมือนกัน ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องประดับ แต่เป็นสิ่งที่เก็บความทรงจำอันล้ำค่าเอาไว้
Aevari ยังมีอีกความฝัน คือ ความต้องการที่จะเติบโตไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผู้สวมใส่เป็นสัญลักษณ์เล็กๆ ที่เมื่อมองดูครั้งไหนก็เหมือนได้รับกำลังใจทำให้นึกถึงช่วงเวลาดีๆ
เป้าหมายในอนาคตคืออะไร ?
อยากให้แบรนด์เป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำหรือประสบการณ์ของหลายๆ คน เวลาที่นึกย้อนถึงความทรงจำดีๆ เรื่องราวที่ผ่านมาก็จะมีแบรนด์ Aevari เป็นส่วนหนึ่งในความรู้สึกนั้นเสมอ เราขอแค่เป็นส่วนเล็กๆ ที่ทำให้ผู้บริโภคชิ้นงานดีไซน์มีความสุขในเวลาที่คุณนึกถึงความทรงจำ
ดังนั้นราจะพยายามสร้างสรรค์ผลงานอย่างมีคุณค่า ถ่ายทอดความรู้สึก สื่อสารเข้าไปในชิ้นงานของเราให้ได้มากที่สุด ควรแก่การเก็บบันทึกเป็นเรื่องราวดีๆ ผ่านเครื่องประดับของ Aevari และเราอยากถ่ายทอดวัฒนธรรมความน่ารัก สิ่งที่น่าจดจำที่เราได้เจอมาในประเทศของเราให้ต่างชาติได้สัมผัสและรับรู้ความหมาย ความรู้สึกดี ไปกับผลงานของเราด้วยเหมือนกันในอนาคต
สินค้าดีไซน์ Aevari ที่ทีมงาน Pinkoi อยากแนะนำให้คุณ ลองเข้ามาอ่านเรื่องราวแรงบันดาลใจ ความหมายของสัญลักษณ์ที่สื่อออกมารับรองว่าคุณจะหลงใหลในเครื่องประดับของแบรนด์ Aevari แน่นอน
อุปสรรค์ในการออกแบบหรือการทำแบรนด์คืออะไรบ้าง
ส่วนใหญ่ก็คือการที่เราหลงลืมความเป็นลายเส้นของตัวเอง เกิดจากที่ทุกวันนี้เราได้รับสื่อหรือข่าวสารเข้ามาเรื่อยๆ จากทุกทิศทางจนคล้อยตามไปกับสื่อเหล่านั้นทำให้ความคิดเราถูกบิดเบือนไป
งานดีไซน์ชิ้นไหนที่ดีไซเนอร์ชอบที่สุด เพราะอะไร?
Collection Petrichor เพราะ เป็นคอลเลคชั่นที่บ่งบอกความเป็น Aevari ได้ลงตัว มีการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมเก่ากับวัฒนธรรมใหม่เข้าด้วยกันได้อย่างลงตัวที่สุด ซึ่งคอลเลคชั่นนี้เราได้รับแรงบันดาลใจมาช่วงเวลาฝนตก เราจินตนาการภาพบรรยากาศของฝนที่กำลังโปรยปราย ฝนละกิ่งก้านของใบไม้เหลือไว้แค่หยาดน้ำเบาบางหลังฝนตก น้ำฝนที่กระหน่ำลงพื้นดินเกิดกลิ่นไอของดินขึ้นมา บวกกับหยดน้ำที่เกาะอยู่บนใบไม้ ช่วงเวลานั้นมันคือช่วงที่เราได้รับรู้ถึงกลิ่นของธรรมชาติอย่างแท้จริง เราได้ถ่ายทอดความรู้สึกของคอลเลคชั่นนี้ออกมา
จากที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า Collection Petrichor เป็นคอลเลคชั่นที่บ่งบอกถึงความเป็น Aevari ได้ลงตัวที่สุด ยังมีงานดีไซน์อยู่ชิ้นหนึ่งที่เราชอบมากคือ “ Rain drop on leaf ” ชิ้นนี้คือการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมใหม่กับวัฒนธรรมเก่าได้ดีมาก ในความแท้จริงแล้วผลงานชุดนี้มันก็คือใบไม้ที่โดนตัดทอนรูปแบบให้เหมาะกับความสวยงามเป็นเครื่องประดับ
พอเรามองภาพรวมมันก็คือใบไม้ที่ได้แทรกอารมณ์ของหยาดน้ำหลังฝนตก แทนด้วยเม็ดพลอยเข้าไป การเรียงของพลอยที่ไม่ต้องวางในตำแหน่งตรงกันก็เหมือนหยาดฝนที่ไหลไปตามธรรมชาตินั่นเอง เพื่อให้เกิดความแตกต่างที่ลงตัวในตัวชิ้นงานเหมือนเวลาที่น้ำฝนกระจายตัวเกาะบนกิ่งใบไม้ เราก็เลือกไม่ได้ใช่ไหมล่ะว่าเขาจะกระจายตัวอย่างไร เราก็เลยอยากจะสื่อสารแรงบันดาลใจตรงนี้ลงไปในตัวชิ้นงานชิ้นนี้เลยเป็นงานที่เราชอบมากที่สุด
เรามาแวะชมหน้าสตูดิโอ Aevari บน Pinkoi กันก่อนที่จะ ไปอ่านเรื่องราวของแบรนด์ Aevari กันต่อ
เหตุผลที่เข้าร่วม Pinkoi
Pinkoi เป็น Platfrom ที่ทำให้เราสามารถเป็นตัวเองได้อย่างชัดเจน เป็นที่ที่เหล่าดีไซเนอร์ต่างๆ มารวมตัวกันและได้แชร์ผลงาน แรงบันดาลใจในการทำงาน เหมาะกับคนที่รักงานดีไซน์จริงๆ ได้เห็นในการสร้างผลงานของใครหลายๆ คนให้ได้ติดตาม
เราได้เห็นผลงานของเหล่าดีไซเนอร์หลายๆ ท่าน ยิ่งทำให้เราได้มีแรงบันดาลใจเพิ่มขึ้นในการทำผลงานหรือดีไซน์คอลเลคชั่นใหม่ๆออกมาและเพิ่มความแปลกที่แตกต่าง ความรู้ใหม่ๆ ที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน ที่สำคัญที่สุดเราได้เพื่อนจาก Pinkoi ได้แลกเปลี่ยนความรู้ แลกเปลี่ยนแรงบันดาลใจของแต่ละคนที่ได้พบเจอมา เราว่ามันสนุกนะ มันเหมือนเราได้เพื่อนใหม่ได้คุยกับคนที่คุยอะไรไปในทางเดียวกัน มันไม่ใช่แค่เข้ามาขายของ แต่เหมือนเราได้เปิดตัวในสังคมใหม่ เพื่อนใหม่มากขึ้นกว่าเดิม
ลูกค้าที่ประทับใจหรือรู้สึกน่าสนใจที่สุดบน Pinkoi?
จริงๆ เราก็ประทับใจในลูกค้าทุกคนที่เลือกซื้อสินค้าของเราเลยนะ เรารู้สึกว่าสิ่งที่เรากำลังจะสื่อสารออกไป หรือที่เรากำลังจะถ่ายทอดออกไปมันส่งถึงพวกเขาจริงๆ แต่เอาจริงๆ แค่มีคนกดติดตามหรือกดถูกใจมันก็เป็นกำลังใจให้เรามากแล้ว แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เราประทับใจมากเป็นพิเศษแล้วคงจำไม่เคยลืมเลยคือมีลูกค้าชาวต่างชาติท่านหนึ่ง ซึ่งเขาไปที่งาน Event Pinkoi เขาเดินมาดูงานที่บูธของเราหลายรอบมาก แล้วก็ยืนดู ยืนอ่านแรงบันดาลใจของคอลเลคชั่นที่เราได้ออกแบบดีไซน์อยู่นานมาก สิ่งที่เรารับรู้ได้คือใบหน้าแห่งความสุขเวลาที่เขาได้อ่านแรงบันดาลใจก่อนที่เขาจะบอกกับเราว่า
“งานของคุณมีความหมายลึกซึ้งมาก ฉันรู้สึกถึงดีไซน์และแรงบันดาลใจเหล่านั้นจริงๆ”
ก่อนที่เขาจะซื้องานดีไซน์ของเราเป็นที่ระลึกกลับไป นั้นเป็นเหตุการณ์ที่ยังติดอยู่ในความทรงจำของเราเสมอ เรารู้สึกดีใจที่สิ่งที่เราทำมันส่งความรู้สึกไปถึงใครหลายๆ คน นั้นมันคือเป้าหมายของเรา อย่างที่เราได้บอกเอาไว้ว่า เราอยากเข้าไปเป็นความทรงจำดีๆ ความทรงจำเล็กๆ ของพวกคุณ ที่แค่เวลานึกถึงแล้วคุณมีความสุขและเราก็มีความสุขเท่านั้นเอง
ทีมงาน Pinkoi ต้องขอขอบคุณ คุณเอ็ม สุขุม ชาวนาป่า หนึ่งในดีไซน์เนอร์แบรนด์ Aevari ที่สละเวลามาพูดคุยและแชร์ประสบการณ์เกี่ยวการสร้างงานดีไซน์ที่มากความหมาย ผ่านกล่องความทรงจำ มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ