เธอชื่อ May และวันเกิดของเขาคือ ต้นเดือนพฤษภาคม จึงกลายเป็นชื่อแบรนด์ First of May Studio
คนหนึ่งหลงใหลในเสียงเพลง — Elvis ขณะที่อีกคนหนึ่งหลงใหลในงาน illustration — May ทั้งคู่พบกันในปี 2003 ความแตกต่างที่ลงตัว ทำให้ทั้งสองคนตัดสินใจจับมือกันและสร้างแบรนด์ First of May ขึ้นมาในที่สุด ผสมผสานเสียงเพลงกับงานวาด เป็นโลกใบเล็กที่แม้จะดูมืดมน แต่กลับมีแสงแห่งความหวังเล็กๆส่องสว่าง
บทสนทนาเริ่มต้นขึ้นในห้องทำงานเขาและเธอที่ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำ Tamsui ทั้งสองกำลังจะพาเราเข้าสู่โลกใบเล็กของพวกเขา
เล่าเรื่องราวจุดเริ่มต้นของการบรรจบกัน ของคนชอบเสียงเพลงและคนรักงานวาดอย่างคุณทั้งสองได้ไหม?
May: “ฉันชอบวาดรูป ส่วนเขาชอบเสียงเพลง เราเลยจับเอาสองอย่างนี้มารวมกัน เริ่มต้นด้วยการทำ blogger เขาเขียนบทความ ส่วนฉันก็วาดรูป”
Elvis: “อันที่จริงผมออกแนวบังคับเธอหน่อยๆ เพราะถ้าเป็นอะไรที่ไม่เกี่ยวกับเพลง ผมจะไม่ Enjoy เลย (หัวเราะ) เช่น ถ้าหนังมีเพลงเพราะๆ ต่อให้หนังไม่สนุก ผมก็ยังชอบหนังเรื่องนั้นอยู่ดี”
May: “แม้โปสเตอร์จะไม่สวย ตัวหนังสือไม่โอ เขายังบอกหนังมันสนุกได้”
Elvis: “เสื้อประจำวงดนตรีก็เหมือนกัน! ขอแค่สกรีนรูปวงดนตรีที่ผมชอบ ต่อให้เสื้อห่วยแค่ไหน ผมก็รู้สึกว่าใส่แล้วเท่ห์ชะมัด อย่างสินค้าธงราวที่มาในธีมเพลงรัก ผมก็จะชอบธงราวนี้เป็นพิเศษ (หัวเราะ)”
แล้วธงราวธีมเพลงรักนี่เลือกเพลงกันยังไง?
May: “เพราะธงราวนึงจะมีทั้งหมด 8 ธง เราจึงเลือกเพลงที่ชอบกันมากที่สุด 8 เพลง จำได้ว่าตอนนั้น Elvis เลือกนานมาก”
Elvis: “ตอนนั้นเธอไม่ชอบเพลงที่ผมเลือก!”
May: “ใช่ เพราะบางเพลงฉันคิดว่ามันก็เฉยๆ”
Elvis: “แต่ผมว่ามันโอเคมากเลยนะ!”
May: “ก็บางเพลงมัน Abstract เกินไป ฉันวาดรูปไม่ออก”
Elvis: “ผมแค่คิดว่า ก็เพลงมันดี ยังไงเธอก็ต้องวาดออกมาได้!”
ปี 2003 ที่เพื่อนๆแนะนำให้พวกคุณรู้จักกัน ตอนนั้นประทับใจอะไรอีกฝ่ายมากที่สุด?
ผอมมาก
May: “ตอนนั้นผอมมาก”
Elvis: “หมายความว่ายังไง!?”
May: “ก็ตอนนั้นเราผอมกันจริงๆ”
Elvis: “ผมรู้สึกถูกชะตาเธอนะ เธอเหมือนลูกครึ่งเลย ตอนนั้นนะ”
คบกันจนถึงปัจจุบัน ชอบอะไรในตัวอีกฝ่ายบ้าง?
May: “รู้สึกเขาเก่งมากเรื่องเขียน blogger”
Elvis: “ตอบอะไรเนี่ย! สำหรับผม ผมชอบที่เธอมีสิ่งที่ชอบทำเยอะมาก! ไปปั้นดินเผาบ้าง แกะสลักบ้าง ไม่ก็ดูนก แต่ผมกลับไม่ค่อยมีสิ่งที่ชอบเยอะ บ่อยครั้งฟังเพลงจนอยากไปทำอย่างอื่นบ้าง แต่ก็นึกขึ้นได้ว่า เอ๊ะ เราไม่มีอะไรอย่างอื่นที่อยากทำเลยนี่นา”
May: “จริงค่ะ อ๊ะ! หมากรุกจีนไง!”
Elvis: “อ้อใช่ ผมชอบใช้มือถือเล่นหมากรุกจีน”
May: “แถมยังโดนอีกฝ่ายด่าบ่อยๆ เพราะเขาช้ามาก”
Elvis: “ยังไงก็เถอะ ความมี Passion ในการทำอะไรหลายอย่างของ May นี่แหละที่ผมประทับใจ”
May: “ส่วนฉัน ก็คงชอบที่เขาเป็นคนแง่บวก และแก้ปัญหาเก่งล่ะมั้ง เพราะฉันเป็นคนอารมณ์ร้อน ลุกลี้ลุกลน พอตกอยู่ในสถานการณ์คับขันก็จะทำอะไรไม่ถูก แต่เขาไม่เคยเป็นแบบนั้นเลย”
Elvis: “ใช่ ผมคิดว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะจัดการมันได้ในที่สุด”
ทำไมถึงให้คำจำกัดความพวกคุณเองว่า “ข้างในมืดมน แต่ยังมีแสงแห่งความหวังเล็กๆ”
May: “คนนอกมักจะมองว่าคู่เราเป็นคู่ที่น่าอิจฉา ไม่ต้องมานั่งทำงานประจำ แต่จริงๆแล้วพวกเรามักจะรู้สึกไม่มั่นคงอยู่บ่อยๆ ไม่รู้ว่าควรก้าวไปทางไหนต่อ เหมือนกับนักร้องที่จัดคอนเสิร์ตใหญ่จบอย่างสวยงาม แล้วยังไงต่อ? บางครั้งเราก็คิดว่าที่ทำอยู่ตอนนี้ดีจริงๆหรอ ถ้ามีวันนึงไม่มีคนติดตาม ไม่มีคนชอบเราแล้วล่ะ?”
Elvis: “เพื่อนหลายคนก็แต่งงานมีลูกกันแล้ว แม้พวกเขาจะอิจฉาอิสระที่พวกเรามี แต่จริงๆความอิสระก็แลกมากับความรู้สึกไม่มั่นคง ความหวังเล็กๆของพวกเราคือ การที่ยังสามารถทำในสิ่งที่เรารัก”
“ความอัดอั้นของคนอ้วน” เป็นคอลเลกชั่นที่ได้รับความนิยมที่สุด จุดเริ่มต้นมาจากไหน?
May: “นักวาดทุกคนจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งในช่วงแรกของการทำ blogger เราก็พยายามหาคาแรกเตอร์หลักของแบรนด์ หลายๆคนจะวาดผลงานออกมาเป็นสีๆ แต่ฉันชอบอารมณ์เศร้าๆของสีขาวดำ จึงเริ่มต้นการวาดโดยใช้สีขาวดำเป็นหลัก
ซึ่งคอลเลกชั่น 『ความอัดอั้นของคนอ้วน』เริ่มต้นจากรูปวาดหนึ่งที่ฉันตั้งใจวาดตัวเอง และฉันก็ชอบมัน จากนั้นก็วาดอีกเรื่อยๆ ตอนนั้นฉันเอารูปวาดไปอวดเขาแล้วบอกว่าฉันวาดคนอ้วนที่น่ารักสุดๆแหละ”
Elvis: “ผมเห็นครั้งแรกแล้วอุทานเลยว่า ทำไมขี้เหร่จัง!”
May: “นั่นรูปที่ฉันวาดตัวเองเลยนะ ออกจะตลกน่ารัก ตอนนั้นฉันมั่นใจในผลงานมากๆ เลยใช้รูปคนอ้วนนี่แหละเป็นคาแรกเตอร์ตัวหลัก แล้วเพิ่มเรื่องราวของคนอ้วนลงบนรูปวาด”
เรื่องอัดอั้นของคนอ้วนมีตั้งแต่ลิฟต์ สระว่ายน้ำ Priority seats โรงหนัง ทุกใบที่วาดมาจากเรื่องจริงเลยหรือเปล่า?
May: “แน่นอนค่ะ อย่างลิฟต์เป็นเรื่องอัดอั้นของคนอ้วนเลย ไม่รู้ทำไมทุกครั้งที่ขึ้นลิฟต์ ฉันต้องเป็นคนสุดท้ายที่ได้เข้าไปและหลายครั้งจะต้องมีเสียงดังตามมา ในโรงหนังก็เหมือนกัน บางโรงที่นั่งแคบมาก พอเราสองคนเข้าไปนั่งแล้ว คนที่มาที่หลังมักจะเข้าลำบาก นั่นทำให้รู้สึกแย่มาก”
ป่าไม้และสัตว์โลก อีกคอลเลกชั่นโปรดของ May
เพราะเป็นคนรักป่าไม้และเหล่าสัตว์มากๆ ถ้าไม่ได้วาดรูป ก็อยากจะเป็นนักดูนก คอยส่องนกทั้งวันเลย!
สุดท้ายนี้ รู้สึกอย่างไรกับการทำแบรนด์กับคนรัก?
“ถ้าคุณอยากเลิกกับแฟนเเร็วๆล่ะก็ การทำแบรนด์ด้วยกันคือคำตอบ!” — May
Elvis: “มันมีอุปสรรคเยอะมากในการทำแบรนด์ด้วยกัน เพราะบ่อยครั้งจะมีความคิดเห็นต่างกัน และมักจะเอาเรื่องธุรกิจมาปนกับเรื่องส่วนตัวเสมอ”
May: “เราเคยทะเลาะกันแรงมากๆ ฉันไปก้าวก่ายเขา เขาก็ก้าวก่ายฉัน”
Elvis: “ตอนเริ่มทำแบรนด์แรกๆ เราต่างคนต่างเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ เช่นเรื่องโพสต์เฟสบุ๊ค บางครั้ง May จะมีความเห็นต่างเรื่องการเขียน ส่วนผมก็คิดว่ารูปวาดควรจะวาดแบบไหน ตอนนั้นเราต่างคิดว่า ทำไมไม่เพอร์เฟคตามที่เราอยากให้เป็นเลย”
May: “ขนาดนั่นแค่เรื่องของการโพสต์นะ”
Elvis: “ใช่ แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆ”
May: “ซึ่งปัจจุบันเราตกลงกันได้ว่า 『ต่างคนต่างทำแต่ไม่แยกกัน』 (หัวเราะ) แบ่งกันให้ชัดเจนเลยว่าใครรับผิดชอบส่วนไหน วาดรูปฉันเป็นคนทำ เขาก็รับผิดชอบบทความไป”
Elvis: “พอย้อนกลับไปคิดถึงความยึดติดใน『ความเพอร์เฟค』ของตัวเองแล้ว ก็พบว่าจริงๆไอ้นิยามความเพอร์เฟคของแต่ละคนเนี่ยมันไม่เหมือนกัน! สุดท้ายจึงคิดว่าแบ่งกันให้ชัดเจนเลยดีกว่า ถ้ามีความคิดเห็นที่ไม่ลงรอยกันจริงๆ เราก็แค่ต้องถอยกันคนละก้าว”
จับมือกันและกันอยู่ในโลกใบเล็กๆ ตอนฟ้าสว่างฝันกลางวันกันบ้าง ตอนฟ้ามืดก็ส่องแสงแห่งความหวัง ทำอะไรบ้าๆใหม่ๆ…. นี่แหละ First of May
แม้ความแตกต่างหลายๆอย่างจะเป็นอุปสรรคสำหรับการทำแบรนด์ของคู่รัก แต่ May และ Elvis ก็ทำให้เราเชื่อว่าพลังความรักนี่แหละที่ทำให้ต่างคนต่างยอมถอยให้คนละก้าวเพื่อสิ่งที่ดีที่สุด และนั่นก็ช่วยผลักดันให้ความรักและแบรนด์เติบโตขึ้นเรื่อยๆ
Author: Pinkoi
Translator: Temmy