ขอเป็นพื้นที่เล็กๆ ที่สร้างอะไรดีๆให้เกิดขึ้น
ท่ามกลางความวุ่นวายของย่านอ่อนนุช ใครจะรู้บ้างว่ามีคาเฟ่ขนาดพอดีตัวแอบซ่อนอยู่ แค่เพียงก้าวบันไดลงจากรถไฟฟ้าสถานีอ่อนนุช แล้วเดินย้อนมาที่ซอยสุขุมวิท 77/1 ในขณะที่กำลังยืนงงอยู่ปากซอยผสมกับความสงสัยว่า ในซอยที่มีอาหารขายเต็มไปหมด นี้คือที่ตั้งของคาเฟ่นี้ใช่มั้ย
..ไม่ผิดแน่ๆ ต้องเดินเข้ามาอีกนิด จะเห็นร้าน Better Moon cafe x Refill Station ตั้งอยู่ ความประทับใจแรกก่อตัวขึ้นด้วยความอบอุ่นของบรรยากาศและโทนสีเขียว~ น้ำตาลที่ใช้ภายในร้าน ทำให้เราตกหลุมรักได้อย่างง่ายๆ มีทั้งโซนคาเฟ่ให้นั่งดื่มและชิมตามอัธยาศัย ไม่ได้มีแค่เครื่องดื่ม เพราะมีทั้งอาหาร ขนมหวาน รวมไปถึงเหล้าบ๊วยที่รสชาติถูกใจและราคาเป็นมิตร
ด้วยความตั้งใจที่คุณแพร์และเหล่าเพื่อนๆร่วมอุดมการณ์อยากเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยลดการสร้างขยะพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้ง ภายในร้านจึงมีสินค้าและภาชนะให้เลือกซื้อหลากหลายเพื่อต้อนรับผู้คนที่อยากเข้าร่วมอุดมการณ์นี้ด้วย สินค้าภายในร้าน Better Moon cafe x Refill Station จึงมีตั้งแต่หลอดดูดน้ำแบบแสตนเลส แบบซิลิโคนหรือแบบที่ทำจากไม้ไผ่ก็มีด้วย ชุดช้อนส้อมแบบพกพา ปิ่นโต ที่กรองชา จนไปถึงสบู่ ยาสระผม น้ำยาถูพื้น น้ำยาปรับผ้านุ่ม ที่สำคัญไม่มีส่วนผสมของสารเคมี 100% ที่นี่ใส่ใจกับภาชนะที่ใช้เกี่ยวกับอาหารไปจนถึงของที่เราใช้ในชีวิตประจำวันต่างๆ นอกจากจะต้องดูแลตัวเองตั้งแต่ของใช้ภายนอกแล้ว ยังต้องบำรุงดูแลถึงภายใน ไล่เรียงไปสารพัดชา ธัญพืช ที่คุณสามารถเลือกได้ตามใจเลยล่ะ
แค่นั้นยังไม่พอ เพราะด้านบนชั้นสองยังมีห้องรองรับไว้สำหรับการทำกิจกรรมต่างๆ บอกได้เลยว่าขนาดของห้องนั้นทำให้อบอุ่นและต้องกระชับความสัมพันธ์กันได้อย่างดีทีเดียว ให้คุณได้ทำกิจกรรมไปพลางๆพร้อมทั้งแอบดูความเคลื่อนไหวของผู้คนด้านล่างได้อีกด้วย ให้พูดแค่บรรยากาศของภายในร้าน Better Moon cafe x Refill Station อย่างเดียวคงไม่ได้ เพราะเหนือสิ่งอื่นใดคือความตั้งใจของเจ้าของร้านที่ทำให้คาเฟ่ขนาดพอดีๆ นี้เข้าไปอยู่ในใจเราได้ไม่ยาก
ทีมงาน Pinkoi มีโอกาสได้สัมภาษณ์คุณแพร์ ถึงจุดเปลี่ยนหรือแรงบันดาลใจในการทำร้านนี้
ไปดูจุดเริ่มต้นของร้านนี้กันเลยดีกว่า
1. จุดเปลี่ยนที่ทำให้หันมาทำร้านค าเฟ่รักษ์โลก
ความจริงความตั้งใจแรกคือตั้ งใจจะทำเกสเฮ้าท์เล็กๆ ที่ใช้เฟอร์นิเจอร์เก่าที่บ้ านมาตกแต่งค่ะ แต่พอคิดว่าแถวนี้ไม่ค่อยมีที่ ให้นั่ง หรือร้านอาหารเลยคิดว่าต้ องทำคาเฟ่เล็กๆไว้บริการลูกค้ าด้วย และน้องสาวของพี่แพร์ที่ชื่อว่ า พิน เขาเป็นคนชอบทำอาหารให้คนในบ้ านทานที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ และ น้องบุ้งกี๋ เป็นน้ องสาวของแฟนพี่ ที่พี่เห็นว่าเก่งและจัดการทุ กอย่างในบ้านแทนแม่ได้เลย จึงรวมตัวกันทำคาเฟ่นี้ค่ะ
เรื่องความสนใจในการรักษาสิ่
ชื่อ Better Moon มาจากหลายปัจจัย:
– บ้านเลี้ยงกระต่าย และพระจันทร์เป็นที่อยู่ ของกระตุ่ายที่น่ารักของพวกเรา
– บ้านเราเป็นคนจีน เราเชื่อว่าพระจันทร์คือสิ่งที่ ทำให้เราอุ่นใจ
– เราอยากให้พื้นที่นี้เป็ นพื้นที่เล็กๆที่สร้างอะไรดี ๆให้เกิดขึ้น
– บ้านเลี้ยงกระต่าย และพระจันทร์เป็นที่อยู่
– บ้านเราเป็นคนจีน เราเชื่อว่าพระจันทร์คือสิ่งที่
– เราอยากให้พื้นที่นี้เป็
2. ในซอยเล็กที่มีแต่คนใช้ถุ งพลาสติก สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของพวก เขาบ้างมั้ย มากน้อยแค่ไหน
ตอนแรกพี่ตั้งใจจะให้ซอยนี้เป็น plastic free street เลยนะ คิดว่าแบบโอโห้ ถ้าเราทำได้จะเป็นจุดท่องเที่ ยวใหม่ของย่านนี้เลย แต่พอเราเริ่มทำเราก็แพ้ตั้งแต่ พี่เค้าถามว่า ‘ถ้วยกระดาษราคาเท่าไหร่หรอน้อง ถ้วยโฟมไม่ถึงบาทเลย’ พี่เลยคิดว่าเราเริ่มที่ตั วเองง่ายที่สุด จึงให้ลูกค้าที่ร้านช่ วยเอาจานที่ร้านไปเติ มอาหารในซอยมาทานเอง เป็นการช่วยกันสื่อสารด้วยว่าทุ กคนช่วยกันได้คนละไม้คนละมือ
เสียงตอบรับจากลูกค้าร้านพี่ดี มากค่ะ ลูกค้าเข้าใจและสนับสนุนอย่างดี แต่คนในซอยบางกลุ่มก็ ทราบในเจตนาพี่อยู่บ้าง พวกเราอาจจะยังไม่ค่อยได้สื่ อสารเท่าไหร่ค่ะ
3. ถ้าเจอลูกค้าที่ไม่เข้าใจจุดประ สงค์ของเรา จะทำอย่างไร
ไม่เคยทำอะไรเลยค่ะ (หัวเราะ) เพราะถ้าไม่เข้าใจก็จะไม่ สนใจมาถามเท่าไหร่อยู่แล้ว แต่ถ้ามีคนเอาอาหารนอกร้านใส่ถุ งพลาสติกเข้ามาทานในร้าน ตอนแรกพี่จะใช้วิธีแจ้งว่า ‘ทางร้านอนุญาติให้นำอาหารข้ างนอกเข้ามาทานได้นะคะ แต่ต้องไม่ใช้ถุงพลาสติก ให้เอาจานออกไปซื้อได้ค่ะ’ บางคนจะงง และไม่เข้าใจเท่าไหร่จริง บางคนก็พยายามเอาจานมาเทใส่ แต่ก็จะเกรงใจ และเกิดความกระอักกระอ่ วนพอสมควร
ทีนี้เราแจ้งบ่อยๆเราเหนื่ อยมากเหมือนกันนะคะ ปัจจุบันเลยเลิกแจ้งแล้วค่ะ พี่ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่ไม่ ให้นำอาหารนอกร้านเข้า ส่วนใครจะเคารพกติกาได้แค่ ไหนเป็นเรื่องที่เค้าพิจารณากั นเองดีกว่า เป็น trust system เหมือนให้มาเติมน้ำยาเอง ดังนั้นถ้ามีลูกค้าหลายๆคนที่อุ ดหนุนทางร้าน และช่วยซื้ออาหารมาทานในร้านพี่ จะขอบคุณนะคะ ถือว่าการกระทำของลูกค้าช่วยสื่ อสารให้ลูกค้าท่านอื่นๆได้ด้ วยค่ะ
4. กังวลบ้างไหมว่าการมีข้อจำกัดกา รใช้พลาสติกในร้านจะทำให้ลูกค้า ลดลง
กังวลค่ะ ครอบครัวพี่คัดค้านเลยนะคะ
แต่พี่บอกว่าขอลองก่อน ถ้าไม่เวิร์คยังไงก็เลิกได้ค่ะ ไม่มีปัญหา แต่กลายเป็นว่ามันเป็นจุ ดขายของร้านที่ทำให้ลูกค้ารู้สึ กดีต่อร้านมากขึ้น ซึ่งไอเดียนี้ไม่หวงนะคะ ใครอยากทำเอาไปทำได้เลย ตอนนี้ร้านทำมาหลายเดือนแล้ว ส่งผลกระทบให้ยอดขายดีขึ้นค่ะ เพราะลูกค้ายังไงก็มี คนอยากทานของนอกร้านบ้างอยู่แล้ ว เขาก็จะสบายใจที่ได้มานั่งร้ านเรา และช่วยอุดหนุนเราและกลับมาบ่ อยๆ
5. จะแนะนำลูกค้าหรือคนอื่นที่ชิ นกับการใช้ถุงพลาสติกให้เปลี่ ยนแปลงอย่างไร
เริ่มจากจุดเล็กๆที่สุดที่ทำได้ แล้วไม่ลำบากค่ะ ทำให้สนุกๆ แล้วการทำสิ่งเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ อย่างสม่ำเสมอเราจะสร้ างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ ได้
6. คิดเห็นอย่างไรเมื่อสินค้ารักษ์ โลกมีราคาสูงเกินที่ผู้บริโภคจะ ตัดสินใจซื้อ
เป็นเรื่องปกติของตลาดนะคะ เมื่อดีมานต์ยังไม่เยอะมากทำให้ ราคามันสูง เพราะฉะนั้นถ้าเราชวนคนมารักษ์ โลกกันเยอะๆได้ หรือเป็นสิ่งที่เป็น new common ก็จะทำให้สินค้ามีราคาที่จับต้ องได้มากขึ้นค่ะ
7. ประโยคที่อยากฝากบอกกับคนที่เคย ชินกับการใช้ถุงพลาสติก
ลดได้ก็ดีจ้า ใช้แค่ที่จำเป็นก็พอ ถุงพลาสติกประเภทใช้ไม่เกิน 1 ชั่วโมงแล้วทิ้งมันน่าเสียดายนะ อยากชวนให้คิดดูว่าเฉลี่ยแล้ วเราใช้ถุงกันแค่ 7 นาที แต่มันอยู่เป็นขยะบนโลกไปอี ก 400-1000 ปี แค่ไปอยู่ในที่ที่เราไม่เห็น และไม่ได้แปลว่ามันไม่มี
8. สินค้า Eco ที่จะแนะนำให้กับคนที่เริ่มใช้ สินค้ารักษ์โลกเป็นครั้งแรก
แปรงสีฟันไม้ไผ่ค่า เปลี่ยนง่ายมากๆ
9. เรื่องราวที่ประทับใจที่สุดที่เ คยเกิดในร้าน
พี่ชื่นใจมากค่ะที่ลูกน้องของพี่ ตอนนี้นำจานจากร้านไปเติ มอาหารมาทานในร้านเหมือนกัน น้องๆเริ่มต้นจากไม่เข้าใจเป็ นยอมรับ สนับสนุน และให้ความร่วมมือ อันนี้พี่ดีใจจริงๆ เพราะพี่เชื่อว่า
เริ่มที่ตัวเรามันจริงใจที่สุด และมันจะส่งพลังให้คนอื่นได้