แ ม้ เ ป็ น เ รื่ อ ง ร า ว เ ล็ ก ๆ ใ น ชี วิ ต ป ร ะ จำ วั น
. . .แ ต่ ก็ เ ป็ น เ รื่ อ ง ร า ว ที่ น่ า จ ด จำ 🙂
การที่เราใช้ความพยายามทำสิ่งเล็กๆ ในแต่ละวันจนสำเร็จ จะกลายเป็นก้าวที่สำคัญของชีวิต และเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยผลักดันให้เราเดินหน้าต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ในแต่ละวัน หรือการทำอะไรเดิมๆ ที่ทำให้เรามีความสุขและเติมเต็ม เช่น การตื่นมาเพื่อจิบกาแฟหอมๆ ในยามเช้า เป็นต้น
วันนี้ทีมงาน Pinkoi ได้เชิญดีไซเนอร์ 2 คน จากแบรนด์ Ease around – คุณป้อ (ชัยวัฒน์ อุทัยกรณ์) และ คุณตาล (วริษฐา จงสวัสดิ์) มาบอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์ กว่าจะมาเป็น Ease Around เช่นทุกวันนี้ ได้ผ่านอะไรมาบ้าง และได้รับแรงบันดาลใจในแต่ละวันมาจากไหนกันค่ะ
(1) จุดเริ่มต้นของแบรนด์คืออะไร ?
ดีไซเนอร์ทั้งสอง ชอบงานประเภท เ ค รื่ อ ง เ ขี ย น ข อ ง จุ๊ ก จิ๊ ก
แ ล ะ ง า น ภ า พ ว า ด ใ น แ น ว ที่ ค ล้ า ย ๆ กั น
Ease around เริ่มต้นในช่วงปลายปี 2017 จากที่เราสองคนชอบงานประเภทเครื่องเขียน ของจุ๊กจิ๊ก และงานภาพวาดในแนวที่คล้ายๆ กัน และยิ่งเมื่อคุยกันลึกขึ้นๆ แล้วก็เกิดไอเดียมากมาย เลยคิดอยากจะลองทำแบรนด์ขึ้นมา เพื่อเป็น output ให้กับไอเดียเหล่านั้น
จากการที่ผม ก็เคยวาดภาพมาบ้าง และตาลก็ทำงานประจำเป็นฝ่าย PR อยู่แล้ว เราจึงเริ่มมองเห็นภาพในจุดเริ่มต้นของเเบรนด์ที่ชัดเจน แล้วก็เริ่มผลิตผลงานชุดแรกออกมา เป็นปฏิทินผ้าปี 2018 ที่เล่าเรื่องราวของ my fav. Ordinary …ความธรรมดาที่พิเศษในการอยู่ร่วมกัน ที่เรื่องราวนี้อาจจะไปโดนใจใครหลายๆ คนเข้า เลยได้รับการตอบรับที่ดีเรื่อยมา
(2) ความพิเศษของแบรนด์คืออะไร ?
ล า ย เ ส้ น ที่ เ รี ย บ ง่ า ย
เ รื่ อ ง ร า ว ข อ ง ตั ว ล ะ คร
ที่ r e l a t e กั บ ลู ก ค้ า ไ ด้ เ ป็ น อ ย่ า ง ดี
นี่คือสิ่งที่เราทราบจากลูกค้าที่อุดหนุนไอเทมจาก ease around ว่าสิ่งที่ลูกค้ามองว่า ease around พิเศษหรือเป็นจุดเเข็งของเราคือ ลายเส้นที่เรียบง่าย เรื่องราวของตัวละครที่ relate กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี และความหลากหลายของตัวโปรดักต์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็ตรงกับสิ่งที่เราตั้งใจไว้ ในตอนเริ่มต้นที่คิดจะทำแบรนด์ ที่เราอยากจะ play around ไปกับวัสดุใหม่ๆ วิธีคิดใหม่ๆ และนั่นก็หมายถึงสิ่งใหม่ๆ ทักษะใหม่ๆ ที่เราจะได้เรียนรู้ไปด้วย
(3) แรงบันดาลใจในการคิดชิ้นงานแต่ละชิ้น มาจากที่ไหน ?
นำ เ อ า เ รื่ อ ง ร า ว เ ล็ ก ๆ ใ น ชี วิ ต ป ร ะ จำ วั น
ม า ถ่ า ย ท อ ด ล ง ใ น ภ า พ ว า ด . . .
ส่วนใหญ่ ease around มักจะนำเอาเรื่องราวเล็กๆ ในชีวิตประจำวันมาถ่ายทอดลงในภาพวาด ซึ่งบางเรื่องอาจจะเป็นเรื่องที่เราคุ้นชินอยู่ทุกวัน เพียงแต่ยังไม่มีการนำมาทำเป็นไอเทมที่สามารถใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันได้ ยกตัวอย่างเช่น ในคอลเลกชันล่าสุด ‘WHEN I WORK’ ที่พูดถึงเรื่องราวของชีวิตการทำงาน ซึ่งเราก็จะถ่ายทอดออกมาผ่านตัวละครน้องผู้หญิง และนำไปผลิตเป็นไอเทมที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวในคอลเลคชัน ซึ่งก็กลายมาเป็น CARD HOLDER ที่สามารถใส่บัตรพนักงานออฟฟิศได้จริงๆ
(4) คิดว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้มีผลกับการทำงานออกแบบมากน้อยเพียงใด ? ถ้ามี มีผลทำให้การออกแบบของเราเปลี่ยนไปอย่างไร ?
เ ป็ น ‘ ช่ ว ง ปิ ด เ ท อ ม ’ ที่ เ ร า จ ะ มี เ ว ล า เ พิ่ ม ขึ้ น
( เ พ ร า ะ ภ า ร ะ ง า น r o u t i n e ล ด ล ง ไ ป )
สถานการณ์ COVID-19 ที่มีอยู่ตอนนี้ก็ส่งผลกระทบให้เราอยู่เหมือนกัน ในด้านรายได้ของเราที่ส่วนหนึ่งอยู่กับการขายแบบออฟไลน์ แต่ก็ยังดีที่อีกส่วนหนึ่งที่เป็นออนไลน์ยังไปได้ดี ถ้าจะมองกันในมุมสว่างของสถานการณ์นี้ก็มีนะ ผมกับตาลจะเรียกช่วงเวลาที่หลายๆ อย่างชะงักลงนี้ว่า ‘ ช่วงปิดเทอม ’ ที่เราจะมีเวลาเพิ่มขึ้น (เพราะภาระงาน routine ลดลงไป)
จากที่เมื่อก่อนเราทำงานกันเหมือนอยู่บนม้าหมุน หมุนวนเป็น loop เรื่อยๆ ทุกวัน ทุกสัปดาห์ ทุกเดือน แต่พอเป็นช่วงนี้แล้ว เราทั้งคู่ก็มีเวลาเพิ่มขึ้นในการได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ หรือสิ่งที่ตั้งใจอยากจะทำมาตั้งนานแล้ว อย่างเช่น ผมตั้งใจอยากจะวาดภาพที่ไม่ใช่งานขายให้มากขึ้น เพื่อลง Facebook, Instagram, Twitter เพื่อให้คนที่ติดตามเรา หรือคนอื่นๆ ได้ enjoy กับงานของเราได้บ่อยขึ้น ก็ได้มีเวลาทำในช่วงนี้
(5) รู้จัก PINKOI ได้อย่างไร ?
PINKOI เ ป็ น ป ร ะ ตู สู่ ก า ร เ ดิ น ท า ง ใ ห ม่ ๆ
ข อ ง e a s e a r o u n d ใ น ต ล า ด ต่ า ง ป ร ะ เ ท ศ .
ตาลเป็นเพื่อนกับเจน ที่ทำแบรนด์ Japfac ซึ่งเป็นแบรนด์กระเป๋าและ accessory รวมทั้งยังวางขายในเว็บไซต์ PINKOI อยู่แล้ว และเจนก็ได้ชักชวนให้ตาลลองสมัครเพื่อวางขายสินค้าจาก ease around ในเว็บ PINKOI ดู ..หลังจากเปิดสตูดิโอใน PINKOI ก็ทำให้ease around เป็นที่รู้จักในตลาดต่างประเทศมากขึ้น ถือว่าเป็นประตูสู่การเดินทางใหม่ๆ ของ ease around เลย
(6) 3 คำ ให้ PINKOI
I N – S – P I R E
การที่เราได้อยู่ในเว็บไซต์ที่เป็นแหล่งรวมงานดีไซน์ พร้อมทั้งได้เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่ PINKOI จัดขึ้นเป็นระยะ ทำให้เราได้พบกับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ดีไซเนอร์ท่านอื่นๆ ได้ร่วมพูดคุย แลกเปลี่ยน ปรึกษา และทุกคนล้วนเป็นแรงบันดาลใจให้กันและกันอยู่เสมอ เป็นสิ่งที่เราชื่นชอบที่สุดในเว็บ PINKOI
(7) ประสบการณ์ที่ผ่านมากับการทำแบรนด์ มี moment ไหนที่ประทับใจที่สุด
ตอนที่เราเข้าร่วม PINKOI MARKET in HONG KONG 2018 ตลอดทั้ง 3 วัน เราได้พบกับลูกค้ามากมาย และในวันหนึ่ง…
เราได้พบกับลูกค้าชาวฮ่องกงคนหนึ่ง เธอเดินเข้ามาหาเราที่บู๊ท และบอกกับเราว่า… ‘ ฉันได้ซื้อปฏิทินผ้าอันนี้ที่กรุงเทพฯ ฉันตกแต่งที่คาเฟ่ของฉันที่ย่าน kwun tong ด้วยปฏิทินอันนี้ …ฉันชอบมันมาก ดีใจที่ได้เจอคุณ ’ พร้อมกับเปิดภาพจากมือถือให้ดู
… มันคือความรู้สึกดีที่ถล่มทลายมากๆ 55 การที่เราทำแบรนด์ในขณะนั้นอายุยังไม่ถึง 1 ปีเลย แต่การได้เจอลูกค้าต่างประเทศมาบอกกับเราทั้งคู่แบบนี้ มันคือพลังใจที่ทำให้เราอยากพัฒนางานของเรา และแบรนด์ของเราให้ดียิ่งขึ้นไปอีก 🙂
(8) อยากให้ช่วยฝากข้อคิดและกำลังใจในการทำงาน ทำแบรนด์ ให้นักออกแบบรุ่นใหม่
ใ ส่ ใ จ ทุ ก ขั้ น ต อ น . . .
ตั้งแต่ ก า ร อ อ ก แ บ บ พู ด คุ ย กั บ ลู ก ค้ า แ พ็ ค สิ น ค้ า
แ ล ะ จั ด ส่ ง ถึ ง มื อ ลู ก ค้ า #SuchAGoodFeeling
ในการทำงานของเราทั้งคู่ เราคิดอยู่เสมอว่าจุดมุ่งหมายของเราคือทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีจากแบรนด์ของเรา ทั้งจากสินค้าที่เราทำ การพูดคุยกับลูกค้า หรือกระทั่งการแพ็คส่งสินค้า สิ่งนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องรายละเอียดยิบย่อย แต่เรามองว่าคือสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งของ ease around และน่าจะเป็นประโยชน์กับดีไซเนอร์ นักทำแบรนด์รุ่นใหม่ๆ ด้วย
บางคนอาจไม่เห็นความสำคัญของสิ่งเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน สิ่งเล็กๆ ที่ทำให้เรามีความสุขในทุกๆ วัน ก็เป็นเรื่องที่น่าจดจำ 🙂 …ซึ่งแบรนด์ Ease Around ก็ได้บอกเล่าออกมาในลายเส้น และ characters ที่น่ารัก และจับใจผู้คนเป็นอย่างมาก เพราะเป็นเรื่องราวที่เข้าใจง่าย และเข้าถึงจิตใจของทุกๆ คน รักกก
… ในวันนี้ Pinkoi Team ขอขอบคุณคุณป้อ และคุณตาลที่สละเวลามาให้สัมภาษณ์ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
.
Pinkoi Thailand Team