เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน~ ยังไม่หายคิดถึงไต้หวัน แคมเปญTaiwan 101 – basic Taiwan ไต้หวันไม่ได้มีแต่ชานมไข่มุกก็จบลงแล้ว
ไม่เป็นไรนะ!! วันนี้ Pinkoi ได้รวบรวมเรื่องราวต่างๆ ของความเป็นไต้หวันตลอดแคมเปญมาให้เพื่อนๆ ได้สัมผัสกันให้จุใจไปเลย
มาเริ่มจากรู้จักความแตกต่างเหมือนกัน ไต้หวัน VS. ไทย ผ่าน Taiwan 101 กันก่อน
คนไทยมักจะรู้จักไต้หวันผ่านชานมไข่มุกและอาหารอร่อยๆ ที่ขายในตลาดกลางคืน นอกจากนั้น อาจจะรู้จักไต้หวันจากเพื่อนชาวต่างชาติ คนไทยที่เคยไปเที่ยวไต้หวัน หรือคนไต้หวันที่มาเที่ยว มาเรียนที่ไทย ซึ่งเทคโนโลยีในปัจจุบันทำให้เรารู้สึกอยู่ใกล้กันตลอดเวลา จนกลายเป็นความคุ้นชิน รู้สึกว่าหลายๆ พื้นที่คล้ายกับบ้านตัวเอง แต่หากได้รู้จักไต้หวันมากยิ่งขึ้น ก็จะรู้ว่าไทยกับไต้หวันมีอะไรที่คล้ายๆ กัน และแตกต่างกัน อยู่อีกมากมาย
ถึงตอนนี้จะไปบินไปเที่ยวไม่ได้ แต่ Pinkoi พาทุกคนไปสัมผัสความเป็นไต้หวันผ่านแคมเปญ Taiwan – 101 ที่ไม่เคยได้สัมผัสจากที่ไหนมาก่อน ~
Same Same Not Different
ไทยกับไต้หวันมีอะไรที่คล้ายกันหลายอย่าง ได้แก่ ของกินที่มีกลิ่นเหม็นเหมือนกัน นั่นคือ เต้าหู้เหม็นกับทุเรียน
ซึ่งกลิ่นของทั้งสองอย่างนี้ มีหลายคนที่ชอบมาก และหลายคนก็ไม่ชอบเลยเช่นกัน นอกจากกลิ่นเหม็นของอาหารแล้ว อีกอย่างที่คล้ายกัน คือ การเรียกชื่อสิ่งของบางอย่าง ที่มีการออกเสียงคล้ายกัน เช่น เต้าฮวย, ก๋วยเตี๋ยว, กะจั๊ว เพราะภาษาไต้หวันนั้น มาจากภาษาแต้จิ๋ว จึงมีการเรียกชื่อสิ่งต่างๆ คล้ายกับภาษาไทยที่ใช้เรียกสิ่งของมาจากประเทศจีน และอีกสิ่งที่คล้ายกันคือตลาดกลางคืน ทั้งที่ไทยและไต้หวัน ก็จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวและคนที่ชอบไปเดินหาของกินช่วงกลางคืน เพราะตลาดกลางคืนจะมีของกินอร่อยๆ อาหารพื้นเมืองขึ้นชื่อ ที่หากินที่อื่นค่อนข้างยาก
Same Same BUT Different
ความแตกต่างระหว่างไทยกับไต้หวัน นั้นจะมีนิสัย ความชอบ ความเคยชิน ในเรื่องของเครื่องดื่มที่แตกต่างกัน คนไทยเวลาไปซื้อน้ำต้องมีน้ำแข็งเยอะๆ อาจจะเพราะเครื่องดื่มบางอย่างจะผ่านความร้อนบวกกับอากาศที่ร้อนของไทยด้วย จึงทำให้ต้องใส่น้ำแข็งเพื่อให้รู้สึกสดชื่นเมื่อดื่มเข้าไป แต่ที่ไต้หวันจะมีการเลือกระหว่างความหวาน ( หวานน้อย หวานปานกลาง หวานมาก) และเลือกระดับของความเย็นได้เอง( เอาน้ำแข็งน้อย น้ำแข็งปตกิ น้ำแข็งเยอะ )
ส่วนการกินอาหารรสเผ็ดจะแตกต่างกันตรงที่ไต้หวันจะกินเผ็ดแบบชาๆ สไตล์พริกหม่าล่า ส่วนคนไทยจะกินเผ็ดแบบแซ่บๆ จากพริกขี้หนูไทย และอีกอย่างที่คนไทยไปเที่ยวไต้หวันไม่คุ้นเคย คือ ที่ไต้หวันไม่มีวินมอเตอร์ไซค์ คอยรอรับ-ส่ง ไปทุกที่เหมือนไทย แต่จะมี U bilke (จักรยาน) ที่ไต้หวันให้บริการเช่า ไปตามสถานที่ต่างๆ แทนพี่วินแบบไทย
Zoom in ไปดูไลฟ์ไสตล์ไต้หวันมีพิเศษอย่างไรบ้าง
1. ใส่ใจกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้นในทุกๆ ปี
( ชมงานดีไซน์ ECO Life อีกเพียบ ได้ที่นี่ )
โดยที่ไต้หวันผ่านกฏหมายห้ามแจกถุงพลาสติกและหลอดพลาสติกฟรีในร้านเครื่องดื่ม ร้านสะดวกซื้อต่างๆ ทำให้ผู้บริโภคไต้หวัน ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามสิ่งแวดล้อม เวลาจะออกไปซื้อเครื่องดื่มตามร้าน ก็จะมีการพกแก้วน้ำ หลอดแก้ว ที่หิ้วแก้ว ไปกันเอง และที่ไต้หวันมีงานดีไซน์ ที่ทำขึ้นมาเพื่อพฤติกรรมของผู้คน ส่งเสริมการใช้ชีวิตภายใต้กฎหมายที่รณรงค์การรักษ์โลก หลอดแก้ว ที่หิ้วแก้วด้วยตัวเอง และมีสินค้าที่ดีไซน์ออกแบบขึ้นมาเพื่อพฤติกรรมลูกค้าใหม่ในการรักษ์โลกมากยิ่งขึ้น ซึ่งที่ไทยเอง ก็มีการรณรงค์เช่นนี้เหมือนกัน
แต่อาจจะยังไม่แพร่หลาย เพราะเป็นพฤติกรรมแบบใหม่ หรือที่เรียกกันว่า New Normal แต่เราจะเห็นได้ว่ามีหลายคน ที่เริ่มพกแก้วน้ำ มีหลอดแก้ว ที่หิ้วแก้วลายน่ารักๆ เป็นของตัวเองแล้ว และยังมีสินค้าเกี่ยวกับการรักษ์โลกเพิ่มมากอีกด้วยนะ
2. แต่งหน้าสไตล์ธรรมชาติ และดูสุขภาพดี
(แต่งหน้าแบบสาวรักษ์โลกสุขภาพ ด้วยเครื่องสำอางไต้หวันกัน~)
หากเปรียบเทียบกับไทย สาวไต้หวันจะดูไม่ค่อยแต่งหน้า หรือมองอีกอย่างหนึ่งคือ จะแต่งหน้าที่มองแล้วให้ความรู้สึกธรรมชาติและสุขภาพดี ซึ่งโทนสีที่สาวไต้หวันชอบใช้กัน ทั้งการแต่งหน้าและแต่งตัว คือ สีโทน earthtone
เพราะฉะนั้น เวลาเลือกสีเครื่องสำอาง สาวไต้หวันก็มักจะหยิบสีที่ดูธรรมชาติ ไม่ใช้สิ่งของสีสันมากเกินไป เน้น earthtone เป็นหลัก จึงส่งผลให้แบรนด์เครื่องสำอางต่างๆ ของไต้หวัน มีการดีไซน์เครื่องสำอางให้เข้ากับสไตล์ของสาวไต้หวัน นอกจากนั้นยังมีแบรนด์สกินแคร์ ที่ช่วยดูแลบำรุงผิวอีกมากมาย ที่ทำให้ผิวของสาวไต้หวันดูสุขภาพดี
3. ชอบกิจกรรม Outdoor
(เตรียมไอเทมสำหรับปีนเขา สไตล์ไต้หวัน)
จากสามปีที่ผ่านมา สิ่งที่สังเกตได้ชัดคือ คนไต้หวันชอบออกไปทำกิจกรรมต่างๆ ในช่วงวันหยุด อย่างเช่น การไปปีนเขา ที่กำลังได้รับความนิยมจากทุกช่วงวัย เพราะถือเป็นกิจกรรมที่ทำร่วมกันเป็นกลุ่มได้ และได้ออกกำลังกายไปด้วยในเวลาเดียวกัน ทำให้คนไต้หวันชอบใช้กระเป๋าที่เน้นการจุของได้เยอะๆ มีฟังชั่นกันน้ำได้ น้ำหนักเบา ที่สามารถใช้ได้ทั้งไปเรียน ทำงาน รวมทั้งการไป hiking อีกด้วย เพราะฉะนั้น เวลาไปไต้หวันเราจะเห็นหลายคนชอบใช้กระเป๋าเป้เป็นส่วนใหญ่ แบรนด์กระเป๋าหลายแบรนด์ของไต้หวัน ออกแบบที่ทันสมัยและมีฟังชั่นที่สอดคล้องกับกิจกรรมของลูกค้า เน้นใช้งานได้หลากหลาย มีหลายฟังชั่นในหนึ่งใบ
ใน Pinkoi มีการขาย “experience” ตั้งแต่ 2 ปีที่ผ่านมา และในปีนี้ experience ที่ขายดีจะเป็นประเภทปีนเขา, พายเรือยืนแม่น้ำ (SUP), นอนเต้นท์บนภูเขา ดูดาวกลางคืน เป็นสถิติที่เห็นได้ชัดว่า ไลฟ์สไตล์และงานอดิเรกของคนไต้หวันมีความเปลี่ยนแปลง ชอบกิจกรรม Outdoor กันมาขึ้นในช่วงสามปีที่ผ่านมา
ว้าว!! เป็นยังไงกันบ้าง? สำหรับความเป็นไต้หวัน อ่านแล้วอยากไปเที่ยวขึ้นมาเลยใช่มั้ย แต่…ความพิเศษที่ Pinkoi จะพาทุกคนไปสัมผัสยังไม่หมดเท่านี้นะ ไต้หวันยังมีอะไรให้ทุกคนค้นหาอีกเพียบ
ถ้าพร้อมแล้วตามไปดู กันเลย >> Taiwan – 101
ยังมีความลับอีกมากมาย รอให้คุณค้นพบอยู่นะ
>> แฟชั่นไต้หวันสไตล์น้องนอนในห้องลองเสื้อ
>> มนุษย์คลั่งงานดีไซน์ Pleng tongta
>> ไม่ว่าจะเป็นการเรียนหรือการใช้ชีวิต จะไม่น่าเบื่ออีกต่อไป สไตล์ Peanut butter
>> แต่งหน้าแบบสาวสุขภาพดี ด้วยงานดีไซน์รักษ์โลกตาม ฟ้า ษริกา