ตั้งแต่ปี 2022 ที่เริ่มมีจัดการประกวดรางวัล Pinkoi Design Awards โครงการนี้ยังคงยึดมั่นเจตจำนงที่จะให้แบรนด์คุณภาพและงานดีไซน์ที่ดีถูกค้นพบ ซึ่งได้เชิญแบรนด์ดีไซน์ทั่วโลกมาเข้าร่วมส่งผลงานเข้าร่วม โดยมี “Design and Quality” x “Commercial Development” x “Sustainability” เป็นสามหัวใจสำคัญในการประกวด Pinkoi Design Awards ประจำปี 2023 โดยมีสาขารางวัลทั้งหมด 5 สาขา หนึ่งในนั้นคือสาขา Lifestyle Award ที่นอกจากจะทำให้เห็นงานออกแบบที่มีดีไซน์และสุนทรียะกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน ยังนำเราค้นพบความต้องการและการตามหาชีวิตที่ดีของผู้คนในยุคปัจจุบันผ่านสินค้าดีไซน์
สำหรับ Pinkoi นิยามของคำว่าคุณภาพชีวิตที่ดีคือ การที่แบรนด์สามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีผ่านงานดีไซน์ที่นำเสนอบนตัวสินค้า ยกระดับประสบการณ์ที่ดีของผู้บริโภค สร้างนวัตกรรมงานออกแบบ และทำให้เกิดความรู้สึกร่วมกับเรื่องราวของแบรนด์ ตลอดจนสามารถเติมเต็มความสะดวกสบายและยกระดับคุณภาพชีวิต
ด้วยแนวคิดนี้ Pinkoi จึงได้ทำการคัดเลือกและมอบรางวัลให้กับแบรนด์ดีไซน์ทั้งหมด 4 ทีมในสาขานี้ ได้แก่ แบรนด์ “CELEMENT LAB” ที่ใช้วัสดุซีเมนต์ในการออกแบบกับแนวคิดที่สร้างความ contrast ให้กับของใช้ในชีวิตประจำวัน แบรนด์ “MoziDozen” ที่มีจุดเริ่มต้นจากความต้องการชีวิตที่มีคุณภาพและส่งต่อความอบอุ่นผ่านโคมไฟและของใช้ในบ้าน แบรนด์ “novium” เจ้าของปากกาไทเทเนียมตั้งได้ที่มีชื่อเสียง และแบรนด์สัตว์เลี้ยง “paipaipets” ที่ยกระดับชีวิตระหว่างคนและสัตว์เลี้ยงผ่านงานออกแบบที่อบอุ่น
รางวัลชนะเลิศ: CELEMENT LAB ความงามที่ขัดแย้งกันของความอ่อนนุ่มและแข็งแรง สร้างนวัตกรรมใหม่ให้กับของใช้ในชีวิตประจำวัน
เมื่อพูดถึงที่มาของแบรนด์ CELEMENT LAB คุณ Swank ผู้ก่อตั้งแบรนด์บอกกับเราว่า แรกเริ่มไม่ได้คิดว่าจะเกิดเป็นแบรนด์แบรนด์หนึ่ง “เราแค่ชอบครีเอทอะไรใหม่ ๆ เลยชวนเพื่อน ๆ ในมหาวิทยาลัยมาทำอะไรสนุก ๆ ด้วยกัน หลังจากนั้นก็ได้จัดนิทรรศแสดงงานให้กับผลงานเหล่านี้ โดยใช้ ‘CELEMENT LAB’ เป็นคอนเซปต์ ทดลองและสร้างสรรค์ผลงานจากวัสดุซีเมนต์” คุณ Swank เปิดเผยอีกว่า ตอนนั้นนิทรรศของ CELEMET LAB มีกระแสตอบรับที่ดีมาก จึงได้เริ่มวางแผนเกี่ยวกับการจำหน่าย หลังจากแบ่งรับแบ่งสู้จนเข้าสู่ตลาดซื้อขาย ก็ต้องเผชิญหน้ากับการเรียนรู้การบริหารและการจัดการสต๊อกสินค้าต่าง ๆ จนผลักดันให้ คุณ Swank และทีมก่อตั้งแบรนด์สำเร็จได้ในที่สุด
คุณ Swank ได้ตั้งคอนเซ็ปต์และหัวใจสำคัญของแบรนด์ตั้งแต่ที่เริ่มก่อตั้ง คือต้องทำให้ภาพลักษณ์และความรู้สึกของสินค้านั้นเข้ากับหัวใจหลักของ CELEMENT LAB นั่นคือ “สุนทรีย์ของความ Contrast” เขากล่าวว่า “เอกลักษณ์ที่สำคัญคือภายนอกต้องดูหยาบแข็งกระด้าง แต่เมื่อได้ใช้งานจริงจะค้นพบความนุ่มนวลของมัน นี่คือคอนเซ็ปต์หลักสำคัญที่ต้องคงไว้” อาทิ สบู่หินที่เป็นสินค้ายอดนิยมของแบรนด์ ภายนอกมีลักษณะผิวหยาบขอบคมมุมแหลม แต่เมื่อสบู่โดนน้ำไปเรื่อย ๆ ก็จะยิ่งมีความโค้งมนและนุ่มลื่นขึ้น หรือแม้กระทั่งของใช้ในบ้านอย่างเก้าอี้ โคมไฟแขวน หรือที่รองแก้ว ที่ภายนอกแม้จะดูแข็งแต่ก็เผยพื้นผิวและสัมผัสของอีกด้านหนึ่ง ซึ่งนั่นคือการต้องทำให้ผู้ใช้สัมผัสได้ถึงความขัดแย้งกัน แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้ทำลายสุนทรียะความงามของมัน
CELEMENT LAB เริ่มคิดค้นและทดลองกันตั้งแต่ปี 2013 จนกระทั่งก่อตั้งแบรนด์สำเร็จในปี 2015 จนถึงวันนี้นับเป็นการเดินทางที่ยาวนานมากว่า 10 ปี จากจุดเริ่มต้นที่ชอบการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนมีแนวคิดที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ กลายเป็นแบรนด์ที่ผลิตสินค้าในชีวิตประจำวันออกมามากมาย ซึ่งคุณ Swank แชร์กับเราว่า การได้รับรางวัลชนะเลิศงานประกวด PDAs ในครั้งนี้ สำหรับทีมแล้วถือเป็นการการันตีในตัวแบรนด์ อีกทั้งยังทำให้ทุกคนในทีมมีความมั่นใจมากขึ้นทั้งในด้านการบริหารแบรนด์และการครีเอทสิ่งใหม่ ๆ ในขณะเดียวกันก็ยิ่งทำให้เขามั่นใจว่า แม้จุดเริ่มต้นของแบรนด์จะไม่ได้มาจากการผลิตสิ่งที่ผู้บริโภคชื่นชอบ แต่แบรนด์ก็สามารถยืนได้อย่างมั่นคงด้วยการใช้วัสดุต่อยอดเป็นสินค้าดีไซน์ที่มีคุณภาพ
แน่นอนว่าการได้รับรางวัลไม่ใช่จุดหมายปลายทาง สำหรับ CELEMENT LAB และ คุณ Swank แล้ว พวกเขายังมีแพลนและสร้างสรรค์สิ่งที่น่าตื่นเต้นออกมาอีกมากมาย ซึ่งเร็ว ๆ นี้ แบรนด์กำลังพัฒนาสบู่หินที่นอกจากล้างหน้าแล้วยังสามารถใช้อาบน้ำได้ด้วย นอกจากนี้ CELEMENT LAB ยังวางแผนที่จะทำสินค้าเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถผลิตตามสั่งในอีก 3 – 5 ปีข้างหน้า ด้วยลายแพทเทิร์นพิเศษที่สามารถสั่งทำได้และการถ่ายทอดลวดลายที่ไม่เหมือนใครนั้น จะทำให้เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นมีความพิเศษไม่ซ้ำใคร
การเติบโตไปทีละก้าวของแบรนด์ผ่านแพลตฟอร์ม Pinkoi และช่องทางอื่น ๆ จะทำให้จิตวิญญาณของ CELEMENT LAB ไปปรากฎอยู่บนตัวสินค้าดีไซน์มากขึ้น ให้ความงามและสุนทรีย์อยู่ในทุกมุมของชีวิต
รางวัลรองชนะเลิศ: MoziDozen ถ่ายทอดความประทับใจในชีวิตประจำวันออกมาเป็นของตกแต่งบ้านที่แสนอบอุ่น
MoziDozen แบรนด์สินค้าดีไซน์วัสดุไม้จากไต้หวันก่อตั้งเมื่อปี 2009 ที่จุดเริ่มต้นเกิดจากความคิดที่ว่า “ชอบมอบของขวัญและทำของขวัญให้เพื่อน” ผู้ก่อตั้ง YiDa หวนนึกถึงช่วงเวลานั้นว่า “วันนั้นเป็นช่วงเกณฑ์ทหาร ได้ลาหยุดและกำลังอยู่บนรถไฟ จู่ ๆ ก็คิดขึ้นมาว่าอยากทำของสิ่งหนึ่งที่สามารถพกติดตัวได้ จึงได้ทำปากกาไม้ขึ้นมาหนึ่งด้าม พอเพื่อนเห็นก็บอกว่าอยากซื้อปากกาด้ามนั้น” นั่นทำให้ YiDa ตัดสินใจเปิดสตูดิโอของตัวเองหลังจากออกจากกรม โดยแรกเริ่มนั้น YiDa ทำเพียงคนเดียว จนกระทั่งในปี 2011 คุณ Wei Ting ภรรยาของเขาก็ได้เข้ามาทำด้วย ทั้งสองยังสร้างครอบครัวมีลูกด้วยกัน เขาเล่าว่า “ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา แบรนด์ก็เติบโตและสมบูรณ์มากขึ้น รูปแบบทิศทางของผลงานของเราก็เริ่มถ่ายทอดออกมาผ่านสิ่งของที่ใกล้ชิดกับชีวิตประจำวันยิ่งขึ้น”
ในขณะที่มีของตกแต่งบ้าน โคมไฟ ของใช้ในชีวิตประจำวันที่เป็นวัสดุไม้มากมายในท้องตลาด แล้วแบรนด์สร้างตัวตนและเอกลักษณ์ให้แตกต่างจากคนอื่นอย่างไร? คุณ YiDa และ Wei Ting บอกว่า MoziDozen มีจุดเริ่มต้นจาก ‘ชีวิตประจำวัน’ “เราอยากทำของที่ทุกคนสามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ขณะเดียวกันก็เป็นเสมือนเพื่อนข้างกายด้วย เหมือนการย่อส่วนความทรงจำในชีวิตให้กลายเป็นประสบการณ์ในชั่วขณะหนึ่งที่ลูกค้าใช้สินค้านั้น” เช่น ไฟตั้งโต๊ะต้นหญ้าน้ำพุ ที่เพียงแค่สะกิดนิดเดียวมันก็จะสว่างขึ้นมา ทั้งสองเล่าต่อว่า “แต่เราจะถ่ายทอดภาพที่วิ่งเล่นอยู่ท่ามกลางต้นหญ้าแล้วให้หญ้าเหล่านั้นพริ้วไหวและขยับได้อย่างไร นี่คือสิ่งที่เราให้สำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด เพื่อสร้างสิ่งที่ทำให้ผู้ใช้สัมผัสถึงความรู้สึกนั้นได้”
ในระยะเวลา 12 ปีมานี้ YiDa บอกว่าแบรนด์ช่วงปีแรกๆ MoziDozen เหมือนกำลังเข้าเรียนอยู่ เขาเรียนรู้เทคนิคใหม่ๆ ทักษะ สไตล์ และงานฝีมือ จนถึงตอนนี้ที่เขาเติบโตจนสามารถสื่อสารและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้ เป็นแบรนด์สินค้าทำมือที่มีกลิ่นอายความอบอุ่น กระทั่งตอนนี้ที่แบรนด์ได้รับรางวัลรองชนะเลิศจาก PDAs สาขา Lifestyle Award “สำหรับพวกเรามันคือความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่” YiDa บอกกับเรา “ตลอดเวลาที่ผ่านมาเรากังวลว่าเราอยู่ในเซฟโซนมากเกินไปหรือเปล่า และไม่มีการเชื่อมโยงกับคนส่วนมากสักเท่าไหร่ แต่ในการประกวด PDAs ครั้งนี้มีกรรมการผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขาทั้งในและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารแบรนด์ ศาสตราจารย์ ดีไซเนอร์ และคุณครู ถือเป็นการการันตีในตัวเราและเป็นกำลังใจที่ยิ่งใหญ่มากๆ”
สำหรับรางวัล Lifestyle Award ที่เน้นย้ำการผสานฟังก์ชั่นและสุนทรียะความงามลงบนสินค้าผ่านงานออกแบบ สร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้นให้กับผู้ใช้ มีนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์นั้น แบรนด์ MoziDozen ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างแบรนด์ที่มีความชัดเจนที่สามารถเห็นได้จากสินค้าของพวกเขา เช่น สินค้าโคมไฟแกะ ที่ทำมาจากขนแกะจริง ทว่าเมื่อใช้งานจริงอาจสกปรกได้ง่ายหรืออาจเปลี่ยนรูปไป แบรนด์จึงได้คิดค้นและพัฒนาด้วยการเริ่มจากทำให้สินค้าชิ้นนี้สามารถทำความสะอาดได้ อีกทั้งยังปรับระดับแสงสว่างตามต้องการได้ด้วย รวมถึงการออกแบบ “รู” ให้สะดวกต่อการซ่อมแซม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนสร้างความสมดุลที่สมบูรณ์แบบระหว่างงานฝีมือและตัวสินค้า
MoziDozen ที่มีจุดเริ่มต้นจากความประทับใจในความงามและสุนทรียะของชีวิต พัฒนาจนสามารถทำให้ผู้บริโภคอยากใช้สินค้าต่อไปอีกเรื่อย ๆ กลายเป็นสินค้าที่คุ้มค่าต่อการซื้อ ซึ่งในอนาคตนอกจากการสร้างความมั่นคงในตลาดไต้หวันแล้ว ในอีก 3 – 5 ปีข้างหน้าพวกเขายังมุ่งมั่นที่จะตีตลาดนานาชาติ เพื่อถ่ายทอดความประทับใจที่ MoziDozen มีต่อชีวิตโดยหวังว่าความตั้งใจอันเรียบง่ายนี้จะสามารถเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คนผ่านผลงานดีไซน์
รางวัลรองชนะเลิศ: novium ท้าทายกฎเกณฑ์เดิม ๆ สร้างความแปลกใหม่ ปรากฑภาพลักษณ์ใหม่ของเครื่องเขียน
จากแบรนด์เครื่องเสียง Stereo Puzzle สู่การพัฒนางานดีไซน์เป็น ‘ปากกาตั้งได้’ แบรนด์ novium ใส่ความสนุกในวัยเด็กลงไปในตัวสินค้า มุ่งมั่นผลิตสินค้าที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน โดยหวังว่าจะได้ท้าทายสิ่งใหม่ ๆ เช่นนี้ไปเรื่อย ๆ และพังขนบและกฎเกณฑ์ของของใช้ในชีวิตประจำวันที่ดูสมเหตุสมผล
David Liang ซึ่งผู้ก่อตั้งแบรนด์ novium กล่าวว่า “เรายังคิดเสมอว่าจะสามารถมอบคุณค่าใดให้กับผู้บริโภคได้อีกบ้าง และจะนำ ‘ความพิเศษ’ ที่ผู้บริโภคตามหามาใส่ในตัวสินค้าอย่างไร” จากสินค้าปากกาตั้งได้รุ่นแรกสู่ปากกาคอลเลกชั่นดวงดาวที่ถ่ายทอดความหมายของชื่อแบรนด์ได้เป็นอย่างดี นั่นคือ “ธาตุใหม่” ที่เหมือนกับธาตุบนตารางธาตุอย่างไทเทเนียมและโลหะอื่น ๆ จึงใช้เสียงลงท้าย ium ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสิ่งใหม่ (nov) ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต
เส้นทางความท้าทายในการทำสิ่งที่แตกต่างไม่ได้ง่ายนัก คุณ David Liang สารภาพว่าหลังจากก่อตั้งได้ 3 ปี ทีมพบเจอกับทางตันที่เดินต่อไปไม่ได้ “ตอนนั้นยังเรายังไม่มีสินค้าปากกาตั้งได้ ในเส้นทางที่ไม่แน่นอนนั้นสอนให้ผมค้นหาหนทางแก้ไขปัญหา เพื่อที่จะอดทนเดินต่อไปให้ได้ท่ามกลางอุปสรรค” ซึ่งก็ทำให้คุณ David และทีมได้ใช้เวลาคิดและทบทวนว่าสินค้าใดที่จะทำให้แบรนด์แตกต่างจากคนอื่นบ้าง เขาบอกว่า “แม้ว่าในยุคสมัยใหม่ที่คนหันไปหาอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น แต่เรายังคงเชื่อว่าการเขียนนั้นมีประโยชน์ต่อคนเราเสมอทั้งในการวางแผนและสร้างงาน ซึ่งเราต้องทำให้ปากกากลับมามีบทบาทสำคัญอีกครั้ง” ดังนั้นแบรนด์จึงได้วางทิศทางไปในทางเครื่องเขียน แต่เพื่อสร้างความแตกต่าง novium จะสร้างปากกาที่ยกระดับคุณภาพชีวิต มีความแปลกใหม่ และเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์
novium ก่อตั้งเมื่อปี 2015 ในระยะเวลา 8 ปีมานี้ แบรนด์ก็ได้ค้นพบจุดยืนของตัวเอง “ปากกาตั้งได้” ก็ถูกสร้างสรรค์ออกสู่ตลาด นอกจากสินค้าตัวนี้จะได้รับรางวัลใหญ่จาก MUSE Design Award ในปี 2021 ปากกาคอลเลกชั่นดวงดาวก็ยังได้รับรางวัลการคิดค้นจากนิตยสาร TIME ในปี 2022 ด้วย จนกระทั่งในปีนี้ก็ยังได้รับการการันตีจาก PDAs “เป็นรางวัลที่พิเศษสำหรับทีมและแบรนด์มาก” คุณ David กล่าว “Pinkoi เสมือนเป็นจุดเริ่มต้นของเรา ในช่วงแรก ๆ ที่เรามองไม่เห็นหนทางสู่ความสำเร็จและความเป็นไปได้ในตลาด Pinkoi เป็นคนที่ทำให้เราค่อย ๆ สร้างผลงานมาจนถึงทุกวันนี้ได้ อีกหนึ่งความประทับใจจคือรางวัลนี้แล้วยังทำให้เรารู้สึกเหมือนได้หวนนึกถึงวันเก่า ๆ”
เพราะได้รับการการันตีจากเวที Pinkoi Design Awards รวมถึงเวทีสากลอื่น ๆ แบรนด์ novium จึงวางแผนตีตลาดตะวันตก โดยใช้โมเดล B2C แทนวิธีหาตัวแทนจำหน่ายเพื่อการเข้าถึงตลาดมากขึ้น ส่วนเป้าหมายในระยะยาวนั้น พวกเขาคาดหวังว่าในปี 2023 จะสามารถไล่ตามแบรนด์ Montblanc ได้อย่างน้อย ¼ เพื่อสร้างแบรนด์ให้มีส่วนแบ่ง 2% ในกลุ่มตลาดปากกาไฮเอน ส่วนในตลาดไต้หวันนั้น แบรนด์ novium ก็ได้เติบโตจนมีสตูดิโอใหม่ แต่ไม่ว่าในอนาคตแบรนด์จะเดินไปไกลแค่ไหนหรือมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรในแผนการตลาดนานาชาติ novium ก็จะยังคงยึดมั่นในความตั้งใจแรก นั่นคือ การคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ และทดลองความเป็นไปได้ใหม่ ๆ เพื่อท้าทายชีวิตที่แตกต่างและไม่เหมือนใครไปพร้อมกับทุกคน
รางวัลรองชนะเลิศ: paipaipets สร้างความหมายใหม่ที่สมบูรณ์แบบระหว่างคนและสัตว์เลี้ยง
เรื่องราวแบรนด์ paipaipets มีที่มาจากแมวจรจัดตัวหนึ่ง ที่คุณ Fumi Lin ผู้ก่อตั้งแบรนด์ไปพบในคืนวันหนึ่ง เพราะเป็นลูกแมวเพิ่งคลอดที่ร่างกายอ่อนแอ ฟันที่ไม่เสมอทำให้เคี้ยวอาหารไม่ค่อยได้ จึงได้ร่วมมือกับเพื่อนร่วมงานที่เคยเป็นเพื่อนในคณะออกแบบผลิตภัณฑ์ มาช่วยกันออกแบบโครงยกสูงวางถ้วยอาหารเพื่อให้แมวทานอาหารได้ง่ายขึ้น คุณ Fumi Lin บอกว่า ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจึงได้ค้นพบว่าตัวเองสามารถคิดค้นทำสิ่งที่ช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงได้ รวมไปถึงการออกแบบสินค้าที่วางถ้วยชามสัตว์เลี้ยง ของใช้เล็กน้อยต่าง ๆ ไปจนถึงสร้างเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ จึงเป็นจุดเริ่มต้นสู่เส้นทางของแบรนด์สัตว์เลี้ยงนี้
สินค้าที่วางถ้วยชามคือก้าวแรกของแบรนด์ หลังจากนั้นก็ได้ออกสินค้า Accessories ต่าง ๆ ของสัตว์เลี้ยง แล้วจึงขยายเป็นสินค้าชิ้นใหญ่ขึ้น อย่างเฟอร์นิเจอร์สัตว์เลี้ยง ตู้กระบะทรายแมว ฯลฯ และค้นพบว่าคนส่วนใหญ่ก็มีความต้องการสินค้าเฟอร์นิเจอร์สัตว์เลี้ยงไม่น้อย แต่ถ้าให้เทียบกับการผลิตจำนวนมากที่เหมือน ๆ กันนั้น แบรนด์เลือกที่จะออกแบบตามความต้องการของลูกค้าและสัตว์เลี้ยงแทน รวมถึงออกแบบเฟอร์นิเจอร์ตามความเหมาะสมของตัวบ้านมากกว่า คุณ Fumi เล่าว่า “ความต้องการของแมวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เช่นเดียวกับที่พื้นที่ภายในบ้านของแต่ละคนก็ต่างกัน นี่เป็นหัวใจสำคัญที่ paipaipets จะยึดมั่นทำต่อไป”
ในการออกแบบสินค้านั้น แบรนด์เลือกใช้วัสดุไม้ F1 ที่ไม่มีฟอร์มัลดีไฮด์และปลอดภัยที่สุด คอนโดแมวเล็ก ๆ แม้เพียงแค่ภายในพื้นที่ 60 เซ็นติเมตร ก็สามารถสร้างบรรยากาศที่แตกต่างให้กับน้องแมว ค้นพบความสมดุลย์ของพื้นที่และให้มุมห้องใหม่ ๆ กับคนในบ้านได้ นอกจากนี้แบรนด์ยังได้สร้างระบบออนไลน์ที่ให้ลูกค้าสามารถกรอกข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้แก่ดีไซเนอร์ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะพื้นที่ต่าง ๆ แล้วจึงออกแบบมุมห้องแบบ 3 มิติให้ลูกค้า “ต่อให้ลูกค้าอาจจะย้ายบ้านอีกใน 2-3 ปีข้างหน้า หรือมีไอเดียเกี่ยวกับพื้นที่ที่เปลี่ยนไป หรืออยากแก้คอนโดแมวใหม่ เราก็สามารถทำให้ได้” คุณ Fumi Lin บอกอย่างมั่นใจว่า “นี่เป็นสิ่งที่แบรนด์ดีไซน์ทั่วไปไม่สามารถทำให้ได้ การออกแบบของแบรนด์ paipaipets คือสิ่งที่ลูกค้า ดีไซเนอร์ และแมวช่วยกันทำจนสำเร็จ”
“ในบรรดาแบรนด์ที่ได้รับรางวัล Pinkoi Design Awards มีเราเป็นแบรนด์สัตว์เลี้ยงเพียงแบรนด์เดียว” คุณ Fumi Lin เล่าว่าการได้รับรางวัลในครั้งนี้มีความหมายต่อแบรนด์มาก “เมื่อก่อนสัตว์เลี้ยงมักถูกมองว่าต้องเลี้ยงไว้นอกบ้านเพื่อเฝ้าบ้าน จนกระทั่งเริ่มกลายเป็นสัตว์เลี้ยงที่อยู่ในบ้าน และตอนนี้บทบาทของพวกเขาได้เปลี่ยนเป็น ‘สมาชิกครอบครัว’ อย่างเป็นทางการแล้ว สิ่งนี้บ่งบอกว่าเจ้าของเริ่มคิดว่าจะทำอะไรเพื่อสัตว์เลี้ยงของพวกเขาได้บ้าง” รางวัล Pinkoi Design Awards ไม่เพียงให้การการันตีกับแบรนด์ แต่แสดงถึงค่านิยมหนึ่งที่ทำให้ทุกคนได้เห็นว่าสังคมและประเทศนั้นเป็นมิตรกับสัตว์น้อยใหญ่มากขึ้นเพียงใด คุณ Fumi Lin หัวเราะแล้วพูดต่อ “เราอาจจะไม่สามารถกลายเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีรุ่นใหม่ แต่เราได้ผลักดันการใช้ชีวิต กลายเป็นผู้นำด้านยกระดับชีวิตรุ่นใหม่ พาทุกคนไปมีความสุขกับการใช้ชีวิตและใช้สินค้าดีไซน์ที่มีคุณภาพ”
ความชอบและการศึกษาอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงของแบรนด์นั้น ผ่านการออกแบบที่เรียบง่ายละเมียดและอบอุ่น ให้ความสำคัญกับการเลือกใช้วัสดุ สร้างสินค้าสัตว์เลี้ยงสุดคลาสสิค และแบรนด์ paipaipets ก็ได้วางแผนตีตลาดต่างประเทศต่อไปด้วย อย่างเช่น ปัจจุบันได้มี ‘กล่องความทรงจำ’ อยู่บนแพลตฟอร์มคราวด์ฟันดิงในญี่ปุ่น เพื่อให้เจ้าของและสัตว์เลี้ยงที่จากไปมีสื่อกลางความทรงจำที่ทำให้คิดถึงและอยู่เคียงข้างกัน ซึ่งแบรนด์จะผลักดันสินค้านี้สู่ตลาดญี่ปุ่น พร้อมทั้งสร้างผลงานใหม่ เพื่อมอบจินตนาการและความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างสัตว์เลี้ยง เจ้าของ เฟอร์นิเจอร์ และพื้นที่มุมห้องต่อไป
Buyer’s Choice รางวัลจากคะแนนโหวตสูงสุด
“เมื่อเราจ่ายเงินให้กับอะไร นั่นหมายถึงเราโหวตให้มีสิ่งนั้นบนโลกใบนี้” ความสำเร็จของแบรนด์และการมีความรู้สึกร่วมของผู้บริโภคนั้นมีความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กัน เป็นหัวใจสำคัญที่จะบอกว่าสินค้าแบรนด์มีศักยภาพในตลาดหรือไม่ ด้วยเหตุนี้ Pinkoi Design Awards ปีนี้จึงได้กำหนดสามหัวใจสำคัญ “Design and Quality” x “Commercial Development” x “Sustainability” โดยมีสาขารางวัลทั้งหมด 5 สาขา หนึ่งในนั้นคือสาขารางวัล Buyer’s Choice รางวัลจากคะแนนโหวตสูงสุด โดยเปิดให้สมาชิกบน Pinkoi กว่าหกล้านบัญชีมาร่วมใช้ P Coins โหวตลงคะแนนให้กับแบรนด์ที่ชอบ เพื่อคัดเลือกแบรนด์ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดและมีศักยภาพในตลาด ซึ่งแบรนด์จากไต้หวัน Ligfe ก็เป็นผู้ที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุด
รางวัล Buyer’s Choice: Ligfe ไอเทมจัดระเบียบบ้านราคาน่ารักที่มอบความสุนทรีย์ให้กับชีวิต
แบรนด์ Ligfe เป็นแบรนด์ของตกแต่งบ้านที่แจ้งเกิดในตลาดอีคอมเมิร์ซอเมริกาและไต้หวันเมื่อปี 2017 ซึ่งสร้างสรรค์ของตกแต่งไอเทมจัดระเบียบบ้านสไตล์ไต้หวัน เมื่อถามถึงที่มาของแบรนด์ คุณ Bert บอกกับเราว่าเพราะในตลาดของตกแต่งบ้านนั้นยังไม่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าบางกลุ่ม “พวกเราสำรวจพบว่าคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเข้าสังคมและต้องเช่าบ้าน จะมีความใฝ่หารสนิยมของการใช้ชีวิต แต่ในท้องตลาดนั้นมีเพียงราคาที่ถูกที่สุดกับราคาที่แพงที่สุดให้เลือกเท่านั้น ดังนั้นในช่องว่างระหว่างสองทางเลือกนี้เราจึงหวังว่าจะสามารถมอบทางเลือกที่สาม นั่นคือการมอบทางเลือกของการสร้างไลฟ์สไตล์ในแบบที่ตนเองแบกรับภาระไหว”
วัสดุที่ Ligfe ใช้นั้นโดดเด่นชัดเจน โดยใช้เหล็กเป็นหลัก ในคอนเซ็ปเหล็กสีเทาผสมผสานเข้ากับวัสดุไม้ที่อ่อนโยน เพื่อเป็นอีกทางเลือกของดีไซน์ที่พิเศษและราคาเป็นมิตร โดยมีสินค้าราวแขวนจัดเก็บของใช้เป็นสินค้ายอดนิยม ซึ่งทำให้เห็นว่าเฟอร์นิเจอร์จัดระเบียบที่สามารถเคลื่อนย้ายได้นั้นเป็นที่ต้องการของลูกค้า เมื่อถามถึงวิธีการสำรวจตลาดของทีม หรือการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย คุณ Bert บอกว่านอกจากการใช้โซเชียลมิเดียสำรวจความชอบและแนวโน้มของลูกค้าที่มีต่อสินค้าแล้ว สิ่งสำคัญคือการรับฟีดแบ็กคำติชม คอยซึมซับมาพัฒนาแบรนด์และผลิตสินค้าที่ดีไซน์ดียิ่งขึ้น
คุณ Bert มองว่า Pinkoi Design Awards เป็นโครงการที่มีความหมายมาก “รางวัล Pinkoi Design Awards ถือเป็นเกียรติยศที่ประเมินค่าไม่ได้สำหรับพวกเรา และยังเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของการเดินทางที่มีคุณค่าของแบรนด์ที่เข้าร่วม Pinkoi ตั้งแต่ปี 2018 จนถึงปัจจุบัน ขณะเดียวกันก็เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงทีมและแฟนคลับให้ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น ราวกับว่าได้ทำสิ่ง ๆ หนึ่งที่มีความหมายได้สำเร็จ”
การได้รับรางวัล Pinkoi Design Awards ถือเป็นตัวการันดี และเป็นแรงผลักดันให้ Ligfe มีกำลังใจเติบโตต่อไป ในอนาคตนอกจากการตั้งงบประมาณการตลาดแล้ว คุณ Bert บอกว่า ในปีนี้แบรนด์ตัดสินใจจะระดมทุนคราวด์ฟันดิงบน Pinkoi และในเดือนพฤษภาคม (ปี 2023) จะเปิดหน้าร้านที่ไถจงอย่างเป็นทางการ เขา ยังบอกอีกว่า “O2O คือเทรนด์สำคัญในอนาคต เราจึงตั้งใจเชื่อมโยงให้ช่องทางออนไลน์ที่เราสร้างขึ้นมานั้นเป็นแรงผลักดันในการขยายสู่ช่องทางออฟไลน์ บริหารหน้าร้านเล็ก ๆ เรียบง่ายประจำท้องถิ่น ให้แฟนคลับของ Ligfe ได้มาสัมผัสประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น เข้าถึงกลุ่มลูกค้าออฟไลน์มากขึ้น และพัฒนาการบริการลูกค้า เพื่อให้แบรนด์ยังคงไว้ซึ่งแก่นความสามารถหลักที่ยาวนานต่อไป”
| ดูรายชื่อผู้ชนะการประกวดที่: Pinkoi Design Awards 2023
บทความ: Shopping Design