“Design and Quality” x “Commercial Development” x “Sustainability” คือสามหัวใจสำคัญในการประกวด Pinkoi Design Awards ประจำปี 2023 แบ่งรางวัลออกเป็น 5 ประเภทสาขา ได้แก่ Lifestyle Award, Star Award, Culture Award, Sustainability Award, และ Buyers’ Choice โดยมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและผู้ร่วมโหวตจากทั่วโลกเป็นผู้ตัดสิน ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมาเรายังคงมุ่งมั่นเฟ้นหาแบรนด์ที่น่าสนใจ และปีนี้เราได้แบรนด์คุณภาพมาถึง 16 ทีม!
Star Award เป็นหนึ่งในสาขารางวัลของการประกวดในปีนี้ ครั้งนี้มีแบรนด์ที่ได้รับรางวัลทั้งหมด 4 ทีม ได้แก่ แบรนด์ท้องถิ่นจากไต้หวัน “Danran Tea” แบรนด์กระเป๋างานวาดจากไต้หวัน “MoreMoreToe” แบรนด์นาฬิกาไม้แกะสลัก จากญี่ปุ่น “Cinematic Forest” และแบรนด์ “Studio Unto” โดยแต่ละทีมต่างมีเอกลักษณ์ทางแนวคิดเชิงออกแบบ ความสร้างสรรค์ และตัวตนแบรนด์ อีกทั้งยังมีศักยภาพในการเติบโตสู่ตลาดนานาชาติ สร้างสรรค์งานออกแบบที่ไร้พรมแดน มอบประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้แก่ผู้ใช้ ถ่ายทอดจิตวิญญาณของงานฝีมือ และสร้างความประทับใจให้แฟนคลับทั่วโลก
รางวัลชนะเลิศ: Danran Tea สุนทรียภาพของวิถีดั้งเดิม สู่แบรนด์ชาไต้หวันคุณภาพ
Danran Tea ถูกขนานนามว่าเป็นแบรนด์ชาที่ “ฟื้นศิลปะแห่งชา” ได้อย่างไร?
แบรนด์ Danran Tea ก่อตั้งเมื่อปี 2007 โดยครู Kuan ที่มีประสบการณ์การชงชาถึง 25 ปี และน้องสาวของเธอผู้ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการชิมชาระดับประเทศ ทั้งสองตั้งใจเลือกใช้ใบชาท้องถิ่นไต้หวัน ใส่ใจทุกขั้นตอนของการชงชาและเสิร์ฟชาคุณภาพที่คัดสรรค์มาอย่างดี
เมื่อ 12 ปีที่แล้ว พวกเธอไม่เพียงแค่ก้าวเข้าสู่วงการใบชาเท่านั้น แต่ยังมุ่งมั่นและพยายามออกจากกรอบแนวคิดการดื่มชาในรูปแบบเดิมๆ ทั้งสองศึกษาทุกด้านของชาอย่างละเอียดและลึกซึ้งจนได้รับการยกย่องและคำวิจารณ์ในแง่บวกอย่างกว้างขวาง และได้ก่อตั้งร้านชาร้านแรกที่ซีเหมินติง ฟื้นคืนศิลปะแห่งชาให้เป็นชาแห่งยุคปัจจุบัน
แบรนด์ Daran tea ให้ความสำคัญกับชาเป็นอันดับแรก ซึ่งมีชา Ding Jin Oolong Tea เป็นชากึ่งหมักชื่อดังที่เป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ “นี่เป็นชาที่มีกระบวกการหมักที่พิเศษ มีวิธีการคั่วหรืออบใบชาที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นรสชาติเฉพาะตัวของ Daran tea และเป็นชาที่ขายดีที่สุดในตอนนี้ด้วย”
นอกจากคุณภาพของใบชาแล้ว แบรนด์ยังให้ความสำคัญกับความหมายของการชงชา รวมถึงการจับมือร่วมงานกับพิพิธภัณฑ์กู้กง, vogue ในการจำหน่ายเซตชาพิเศษ เพื่อถ่ายทอดความงามของวัฒนธรรมชาไต้หวัน หนึ่งในนั้นคือการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นเกี่ยวกับไร่ชาไต้หวัน การเก็บใบชาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงเทคนิคการชงชา และพิธีชงชาไต้หวัน ปัจจุบันลูกค้าของแบรนด์ส่วนใหญ่เป็นชาวญี่ปุ่น นอกจากนี้สินค้ายังได้ไปอยู่ตามร้านคาเฟ่และโรงแรมในย่านโอโมเตะซันโด และได้รับความสนใจจากสื่อญี่ปุ่นหลายสำนัก
แบรนด์ Danran Tea ที่ให้ความสำคัญกับแพคเกจจิ้ง ได้รับรางวัลการออกแบบแพคเกจจิ้งระดับนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็นแพคเกจจิ้งที่คอลแลปส์กับจิตรกรรมพู่กันจีน Li Xiao Kun หรือแพคเกจจิ้งกระป๋องชาโลหะสามสีที่มีฝาเป็นวัสดุไม้ ซึ่งกระป๋องแต่ละสีบ่งบอกถึงกลิ่นและรสชาติของชา และในอนาคตทีมของแบรนด์ตั้งเป้าที่จะตีตลาดกลุ่มลูกค้าในดญี่ปุ่น ฮ่องกง และประเทศแถบตะวันตก
การได้รับรางวัลชนะเลิศสาขา Star Award ในครั้งนี้ นอกจากแบรนด์ Daran Tea จะขอบคุณแฟนคลับและกรรมการที่ให้การการันตีและสนับสนุนแบรนด์แล้ว ในวันประกาศรางวัล พวกเธอยังเห็นพลังอันเต็มเปี่ยมของตาร์ทอัพไต้หวัน “เส้นทางของแบรนด์ไต้หวันหลายแบรนด์นั้นไม่ง่ายเลย แต่เมื่อได้เห็นถึงความมุ่งมั่นของแต่ละแบรนด์ ความพยายามที่ทุกคนมีร่วมกัน สิ่งนั้นได้สร้างความเชื่อมั่นอันแรงกล้าให้กับเรา”
รางวัลรองชนะเลิศ: Cinematic Forest สิ่งที่พบเห็นไม่บ่อยนักในสตูดิโอ
Takahiro Koga อาศัยอยู่ในฟุกุโอกะ เขาชื่นชอบการวาดสัตว์โลกมาก วันหนึ่งเขาเห็นโฆษณาเครื่องตัดเลเซอร์บนเว็บไซต์หนึ่ง จึงได้เริ่มลองใช้รูปสัตว์เป็นแบบแล้วใช้เครื่องตัดเลเซอร์ตัดไม้ออกเป็นชิ้น ๆ นำมาประกอบเป็นรูปร่าง จากนั้นก็ลงสี ผลิตนาฬิกาสัตว์น้อยใหญ่ที่แสนจะน่ารักและฮีลใจ
แรกเริ่มสินค้าส่วนใหญ่เป็นพวงกุญแจเล็ก ๆ ต่อมาได้พัฒนาเป็นกล่องเก็บของ เข็มกลัด ฯลฯ กระทั่งเมื่อนาฬิกาแมวของเขาได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก จึงได้เริ่มทำนาฬิกาเป็นหลัก หลังจากนั้น 4 ปีจนถึงปัจจุบัน เขายังคงทำมันด้วยความรู้สึกสนุกและใจที่รักสัตว์และการวาดรูป สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปหลังจากเริ่มทำแบรนด์นี้ คือการพัฒนาสินค้าตามฟีดแบคของลูกค้า “เช่น ตัวเลขบนหน้าปัดนาฬิกาที่ตอนแรกมีเพียงตัวเลขแค่ 4 ตัว แต่ลูกค้าบางท่านอยากทราบเวลาที่ชัดเจน เราจึงเริ่มลองทำนาฬิกาที่มีตัวเลขครบทุกตัว นอกจากนี้ยังมีเข็มนาฬิกาที่แรกเริ่มเราซื้อเข็มนาฬิกาสำเร็จรูปมาใส่ แต่เพราะเป็นสีดำเสียส่วนใหญ่ จึงไม่ค่อยเหมาะกับสัตว์บางชนิดที่มีสีเข้ม ลูกค้าบอกว่าทำให้มองเวลาได้ไม่ชัดเจน เราจึงคอยแก้รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของตัวสินค้า”
การประกวดครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ Cinimatic Forest สมัครเข้าร่วม สำหรับเขาสิ่งที่ทำให้มีความสุขที่สุด คือการได้รับข้อความแสดงความยินดีกับรางวัลจากลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าหรือลูกค้าบางท่านที่ซื้อสินค้าไปเป็นของขวัญ บ้างบอกว่ารู้สึกดีใจ บ้างบอกว่ารู้สึกภูมิใจกับเขามาก ซึ่งตัวดีไซเนอร์เองก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก และหลังจากได้รับรางวัลนี้ ลูกค้าคงจะวางใจเลือกซื้อผลงานของเขาเพื่อมอบเป็นของขวัญให้ผู้อื่นยิ่งขึ้น
“สำหรับแบรนด์ที่กำลังเติบโตนั้น การที่ผลงานถูกผู้คนมองเห็นถือเป็นกำลังใจที่สำคัญมาก” คุณ Takahiro Koga ยังเห็นว่าลูกค้าที่ไม่ใช่ชาวญี่ปุ่นมักจะชอบสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัขและแมวเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่ลูกค้าญี่ปุ่นส่วนใหญ่ชอบสัตว์ที่ไม่ได้เป็นที่นิยมมากนัก “ก่อนหน้านี้เคยเข้าร่วมเทศกาลงานออกแบบของโตเกียว มีลูกค้าชาวจีนถึงกับไลฟ์สดบนมือถือ ลูกค้ายังบอกอีกว่านอกจากในญี่ปุ่น เรายังเป็นเป็นที่ชื่นชอบในพื้นที่อื่น ๆ ด้วย นั่นจึงทำให้ได้รู้ว่าจริง ๆ แล้ว ผลงานของเรามาถึงจุดที่ทำให้ลูกค้าที่ไม่ใช่ชาวญี่ปุ่นชื่นชอบได้เหมือนกัน”
Cinematic Forest เริ่มจำหน่ายบน Pinkoi ตั้งแต่ปีที่แล้ว ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวไต้หวัน และสินค้าที่ขายดีที่สุดคือนาฬิกาแมว ในอนาคตเขายังคงตั้งใจจะสร้างผลงานนาฬิกาสัตว์โลกออกมาอีกเรื่อย ๆ เพื่อให้แบรนด์กลายเป็น “สวนสัตว์นาฬิกาไม้แกะสลัก” และคาดหวังว่าคนที่รักสัตว์จะได้พบสัตว์โลกที่ตัวเองชื่นชอบที่นี่ ในอนาคตเขาก็ยังอยากลองออกแบบผลงานอื่น ๆ นอกเหนือจากนาฬิกาออกมาด้วย
รางวัลรองชนะเลิศ: Studio Unto งานดีไซน์นูนเว้า แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ สร้างความทรงจำที่พิเศษระหว่างผู้ใช้และตัวผลิตภัณฑ์
Studio Unto ก่อตั้งโดยนักออกแบบผลิตภัณฑ์สองคน ที่นี่เป็นทั้งบริษัทออกแบบ เป็นแบรนด์ และเป็น Multidisciplinary Studio ด้วย ชื่อ “Unto (凹凸)” แปลตรงตัวว่าความนูนเว้าในภาษาจีน คือระหว่างทางของการเดินทางไปสู่พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง เป็นตัวแทนการเชื่อมโยงระหว่างผู้บริโภคและตัวสินค้า โดยใช้ธรรมชาติเป็นแรงบรรดาลใจในการออกแบบ สร้างความรู้สึกพิเศษที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างผู้ใช้และผลิตภัณฑ์กับความทรงจำพิเศษเฉพาะของแต่ละคน กลายเป็นสินค้าดีไซน์ที่อบอุ่นและชวนให้อยากเก็บสะสมไว้ตลอดกาล
“Unto ไม่ใช่ทั้งจุดเริ่มต้นและผลลัพธ์ แต่คือระหว่างทาง” ทั้งสองมีความมุ่งมั่น ชื่นชอบคิดค้นและพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ เช่น โปสการ์ดอัดเสียงได้ หรือจานที่มีรูปร่างเหมือนน้ำ สินค้าเหล่านี้ดูเหมือนจะไม่มีความสัมพันธ์กันแต่จุดร่วมของมันคือ เป็นการคิดค้นที่รวมแขนงอื่นเข้าด้วยกันได้เป็นอย่างดี จึงเกิด “สินค้าที่ยังไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน” ขึ้นมา ราวกับว่าแบรนด์ Unto กำลังเดินหน้าไปยังเส้นทางหนึ่งที่ในระหว่างทางนั้นคือการทดลองและสร้างสิ่งที่ตัวเองก็คาดคิดไม่ถึงขึ้นมา
“ให้ผู้ใช้ได้ตีความความหมายของความทรงจำของตัวเองผ่านธรรมชาติที่สวยงามเอง” อาทิ Color Gem ดินสอช็อกหินหลากสี ที่เหมือนกับการหยิบก้อนหินขึ้นมาหนึ่งก้อนก็สามารถเริ่มลงมือวาดลวดลายได้จากสีธรรมชาติของมัน ดินสอช็อกแต่ละแท่งนั้นมีความโดดเด่นทั้งสีและลวดลายที่อิสระของหิน ทำให้ในระหว่างที่กำลังวาดอยู่นั้น ไม่ว่าจะผู้ใหญ่หรือเด็กก็สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของธรรมชาติอย่างแท้จริง
“เราให้ความสำคัญกับความทรงจำส่วนบุคคล ใส่ใจธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ใช้ความสำคัญของวัตถุเป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดวัฒนธรรม รวมถึงสร้างสิ่งใหม่ ๆ ด้วยการใช้วิธีที่เราอาจมองข้ามไป” เมื่อเร็ว ๆ นี้แบรนด์ Unto ได้ร่วมงานกับ พิพิธภัณฑ์กุกเกนไฮม์ บิลบาโอ และพิพิธภัณฑ์ศิลปะในไต้หวันอย่าง พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทเป พิพิธภัณฑ์ศิลปะเจียอี้ พิพิธภัณฑ์ศิลปะไถหนาน เรียกได้ว่า Unto ค่อนข้างให้ความสำคัญกับการโปรโมทแบรนด์เลยทีเดียว เธอเล่าว่า “เรากระตือรือร้นและลองส่งคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องให้กับสื่อมีเดียต่างชาติหรือ KOL ในต่างประเทศ รวมถึงแนะนำและให้ข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์ที่ครบถ้วนลงบนเว็บไซต์ของตัวเอง ซึ่งการสื่อสารด้วยสองภาษาก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากเช่นกัน”
“ในระหว่างทางของการสร้างแบรนด์ เราผ่านประสบการณ์มากมาย มีทั้งราบรื่นและเจออุปสรรคขวากหนามไม่น้อย แต่เราก็สนุกกับประสบการณ์เหล่านั้น เพราะเรายึดมั่นกับความคิดที่จะทำให้มันเป็นจริง และเมื่อได้เห็นผู้คนใช้สินค้าของเรา หรือแม้กระทั่งสินค้าของเรากลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของพวกเขา ได้รับฟีดแบคกลับมา เราก็รู้สึกใจฟูขึ้นมากทันที เพราะได้เข้าถึงลูกค้าที่หลากหลาย อีกทั้งยังรู้สึกว่าเราได้รีเฟรชความคิดตัวเองเช่นกัน ทำให้สามารถสร้างผลงานที่หลากหลายต่อไปได้อีกเรื่อย ๆ”
รางวัลรองชนะเลิศ: MoreMoreToeแบรนด์กระเป๋าไต้หวันที่ถ่ายทอดความรู้สึกผ่านผลงาน
MorMoreToe ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2013 เริ่มต้นจากการวาดสไตล์พู่กันจีน สร้างสรรค์ผลงานมานานเกือบ 10 ปี ทำมาแล้วทั้งเสื้อผ้า และอุปกรณ์เครื่องเขียนต่าง ๆ จนกระทั่งเมื่อ 2 ปีที่แล้ว แบรนด์ MorMoreToe ได้เริ่มเปลี่ยนรูปแบบมาเน้นทำกระเป๋าที่มีฟังก์ชั่นครบครันผสมผสานกับงานวาดของตัวเอง ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการสร้างผลงานที่พบเห็นไม่บ่อยในไต้หวัน
7 ปีที่แล้ว แบรนด์ MoreMoreToe เร่งมือผลิตและเปิดตัวสินค้าค้าใหม่ทุกสัปดาห์เพื่อดึงดูดให้ลูกค้ากลับมาซื้อเป็นประจำ แต่ในปัจจุบันแบรนด์เริ่มใช้เวลากับรายละเอียดของชิ้นงานมากขึ้น โดยคาดหวังว่าจะออกแบบงานดีไซน์ที่ไม่ตกเทรนด์และเป็นสัญลักษณ์ของความคลาสสิกของแบรนด์ MoreMoreToe ได้ ซึ่ง More ’er บอกกับเราว่า “เมื่อแนวคิดฟาสต์แฟชั่นเริ่มลดลง จึงต้องใช้เวลากับสิ่งที่มีความคลาสสิกมากขึ้น”
จุดเด่นสำคัญของ MoreMoreToe คือ บนกระเป๋าแต่ละรุ่นมีเรื่องราวที่ถูกถ่ายทอดผ่านรูปวาด กระเป๋าถือเป็นสิ่งที่ให้เราได้พกพาสิ่งของจำเป็นในชีวิตรวมถึงสิ่งที่ให้คุณค่าทางจิตใจ ทุกเรื่องราวบนรูปวาดจะมีตัวคาแรคเตอร์ อาทิ เจ้าปีศาจบกพร่อง ที่เป็นปีศาจที่มีรูปร่างและความรู้สึกภายในที่บกพร่องและมีตำหนิ ข้อบกพร่องและตำหนิเล็กๆ ที่เรารับไม่ได้เหล่านี้ แต่เมื่อมองอีกมุมหนึ่งอันที่จริงก็เป็นสิ่งน่ารักได้เหมือนกัน แล้วยอมรับสภาวะที่แตกต่างนี้ของตัวเอง
More ’er เล่าว่า “ในกระเป๋าใส่ความรู้สึกหนึ่งใบนั้น บรรจุจุดอ่อนและข้อบกพร่องไว้ 2 สิ่ง แบ่งเป็นภายนอกหนึ่งสิ่งและภายในใจอีกหนึ่งสิ่ง” กระเป๋าที่เหมือนดั่งสิ่งจำลองมนุษย์ จึงกลายเป็นสินค้าที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของอารมณ์ความรู้สึก
สิ่งที่ประทับใจที่สุดในการทำแบรนด์ MoreMoreToe คือการได้รับฟีดแบคดี ๆ จากผู้บริโภค “ลูกค้าบน Pinkoi ค่อนข้างพิเศษตรงที่จะใช้เวลาไปกับการอ่านเรื่องราวของแบรนด์ พวกเขาให้ความสำคัญกับเรื่องราวของงานดีไซน์ เรามักจะถูกถามบ่อย ๆ ถึงที่มาของการออกแบบ” More ’er เล่า
ปัจจุบัน MoreMoreToe มีลูกค้าจากประเทศต่างๆ ครอบคลุมกว่า 10 พื้นที่ในตลาด และเพราะได้เคยผ่านการคัดเลือกในการประกวด Golden Pin Design Award และ iF DESIGN จึงทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ซึ่ง More ‘er ได้ให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่กำลังเริ่มสร้างแบรนด์ของตัวเองว่า ลองให้เวลากับการศึกษากลุ่มลูกค้า พูดคุยถามไถ่ฟีดแบคจากลูกค้าแล้วพัฒนาฟังก์ชั่นสินค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการ เพราะรายละเอียดหลายๆ อย่างล้วนมาจากฟีดแบคของลูกค้าทั้งสิ้น
More ’er เล่าถึงความรู้สึกหลังจากได้รับรางวัลว่า “การได้รับรางวัลในช่วงจังหวะเวลานี้ถือเป็นการก้าวย่างที่ดีมากๆ ประจวบเหมาะกับที่แบรนด์เดินทางมาครบรอบ 10 ปีพอดี ซึ่งการได้รับรางวัลในครั้งนี้จึงเป็นกำลังใจที่ยิ่งใหญ่มาก” MoreMoreToe พิสูจน์แล้วว่าการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของแบรนด์นั้นเป็นการตัดสินใจที่ถูก และจะเติบโตในฐานะแบรนด์กระเป๋าไต้หวันต่อไป
| ดูรายชื่อผู้ชนะการประกวดที่: Pinkoi Design Awards 2023
บทความ: Shopping Design