นับตั้งแต่การประกวด Pinkoi Design Awards ครั้งแรกเมื่อปี 2022 จนถึงปัจจุบัน Pinkoi ยังคงมุ่งมั่นในการเฟ้นหาแบรนด์ดีไซน์ที่สร้างคุณภาพและประสบการณ์ชีวิตที่ดี โดยมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงผู้ร่วมโหวตจากทั่วโลก แบรนด์จะใช้พลังของการออกแบบมาเปลี่ยนแปลงชีวิตอย่างไร? จะครีเอทและถ่ายทอดความเชื่อมั่นอย่างไร? ในปีนี้โครงการประกวดมีสามหัวใจสำคัญ “Design and Quality” x “Commercial Development” x “Sustainability” โดยแบ่งออกเป็น 5 สาขา หนึ่งในนั้นมีสาขา Sustainability Award เป็นสาขารางวัลใหม่ที่น่าติดตาม
ESG (Environment, Social, Governance) การพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนและ Sustainability กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและเป็นปัจจัยการตัดสินใจซื้อ เป็นประเด็นสำคัญในยุคปัจจุบัน ที่คนเริ่มให้ความสำคัญกันมากขึ้น Pinkoi จึงไม่หยุดที่จะติดตามแบรนด์ที่มีการใช้วัสดุที่มีจุดประสงค์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการออกแบบและกระบวนการผลิตผ่านมุมมองการดีไซน์และความสุนทรีย์ สร้างประสิทธิผลที่ทำให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน ดังนั้นในสาขารางวัล Sustainability Award นี้ เราจึงเน้นย้ำหัวข้อสังคมและสิ่งแวดล้อมและแบรนด์ที่วางแผนและสามารถทำให้เกิดขึ้นได้สำเร็จจริง
โดยแบรนด์ที่ได้รับรางวัลมีทั้งแบรนด์รักษ์โลก QUALY จากไทย แบรนด์ mittag jewelry จากไต้หวัน เป็นแบรนด์เดียวในไต้หวันที่ได้รับการรับรองผ่านมาตรฐาน Fairmined รวมถึง Kuai Shan Fang แบรนด์น้ำมันหอมระเหยไซเปรสไต้หวัน และ GREENVINES แบรนด์สกินแคร์จากวัตถุดิบธรรมชาติ
รางวัลชนะเลิศ: GREENVINES ให้ทุก ๆ วัน เต็มไปด้วยวีถีชีวิตสีเขียว
เมื่อพูดถึง Sustainability ก็ต้องนึกถึง GREENVINES ที่สนับสนุนและยังคงผลักดันความยั่งยืนผ่านสกินแคร์ธรรมชาติ เมื่อถามถึงความรู้สึกที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ คุณ Liao Yi Wen หัวหน้าฝ่าย Sustainability บอกว่า ความยั่งยืนควรเป็นสิ่งที่อยู่ในชีวิตประจำวันและการออกแบบ ซึ่งความมุ่งหมายของ GREENVINES คือคาดหวังว่าตัวเลือก Sustainability จะมีมากขึ้นและเติบโตมากขึ้นในชีวิตประจำวัน การได้รับรางวัลนี้จึงเหมือนเป็นการเริ่มต้นเดินทางของแนวคิดนี้ ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับแบรนด์ที่ตระหนักและสร้างความยั่งยืนเหมือน ๆ กัน จึงถือเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับแบรนด์ GREENVINES
หลังจากก่อตั้งมาแล้ว 13 ปี ในปี 2022 แบรนด์เริ่มเน้นกลยุทธ์การแตกลายแบรนด์ ซึ่งทุกแบรนด์ที่เปิดตัวออกมานั้น ล้วนมากับแนวคิดความยั่งยืน คุณ Liao Yi Wen พูดถึงกระบวนการออกแบบสินค้าว่าจะคำนึงถึงพฤติกรรมผู้บริโภคว่าในระหว่างการใช้สินค้านั้นได้ทำให้พวกเขาเข้าใกล้แนวคิดความยั่งยืนมากขึ้นหรือไม่ “คุณรู้หรือไม่ว่า ปริมาณสบู่เหลวที่ควรใช้ในการล้างมือนั้น จริง ๆ แล้วมีน้อยกว่าปริมาณที่คนทั่วไปใช้จริง”
ด้วยบทบาทที่แบรนด์ไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของผู้บริโภคนั้น ทำให้แบรนด์ใส่ใจในการออกแบบผลิตภัณฑ์อย่างมาก “ช่วงไตรมาสแรกของปี 2023 เราออกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมือแบบโฟม ซึ่งเบื้องหลังก็คือแนวคิดความยั่งยืน เพราะโฟมนั้นจะควบคุมปริมาณการใช้ได้มากกว่า ทั้งยังทำความสะอาดได้ล้ำลึกเช่นกัน” ลดปริมาณที่ใช้ แต่ยังสามารถทำความสะอาดได้ดีเช่นเดิม อีกทั้งลดปัญหาการใช้ปริมาณที่มากเกินไป ‘คืนความบริสุทธิ์ ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น’ คือสิ่งที่ GREENVINES ยึดมั่นต่อการผลิตผลิตภัณฑ์บำรุงและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว
ในการเป็นกระบอกเสียงผ่านวัฒนธรรมองค์กร แบรนด์ สินค้า จนถึงประเด็นถกเถียงนั้น แบรนด์ GREENVINES ยังคงเป็นกระบอกเสียงในเรื่อง Sustainability ต่อไปอย่างสุดกำลัง คุณ Liao Yi Wen บอกว่าตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา แบรนด์มีการร่วมมือกับองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมไต้หวันจัดโครงการ “21 วัน วิถีชีวิตสีเขียว” ทุก ๆ ปี ในเจ็ดปีที่ผ่านมานี้ โครงการได้รับความสนใจและมีผู้เข้าร่วมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ปัจจุบันกลายเป็นหนึ่งในกิจกรรมโครงการรักษ์โลกที่ใหญ่ที่สุดในไต้หวัน
เธออธิบายต่อว่า “จุดประสงค์ของโครงการ ‘21 วัน วิถีชีวิตสีเขียว’ คือการเปลี่ยนแนวคิดรักษ์โลกให้กลายเป็นการฝึกฝนและปฏิบัติจริง” โลกและความยั่งยืนคือประเด็นที่สำคัญต่อมนุษย์ ดังนั้นการฝึกฝนต่อเนื่อง 21 วัน จึงมีจุดประสงค์เพื่อสร้างพฤติกรรมให้กลายเป็นนิสัยที่เสียงเล็ก ๆ นี้จะสามารถก่อให้เกิดแรงกระเพื่อม ร่วมกันมุ่งมั่นทำเพื่อประเด็นสำคัญนี้ และมีมุมมองใหม่เกี่ยวกับความยั่งยืน
ทำไมจึงบอกว่าเป็น “มุมมองใหม่” ? คุณ Liao Yi Wen หัวเราะแล้วตอบเราว่าตัวโครงการ ‘21 วัน วิถีชีวิตสีเขียว’ นั้นไม่เกี่ยวข้องในด้านธุรกิจ แพลตฟอร์มและกิจกรรมของโครงการก็เป็นในลักษณะเปิดกว้าง แบรนด์ หรือองค์กรที่มีพันธกิจด้าน Sustainability ล้วนสามารถร่วมโครงการได้อย่างอิสระ จากเริ่มต้นที่มีเพียง 1 – 2 องค์กรเข้าร่วม จนถึงปัจจุบันนี้มีมากกว่า 100 องค์กรร่วมผลักดัน เป็นแรงขับเคลื่อนให้วิถีชีวิตสีเขียวทรงอิทธิพลต่อไปได้
รางวัลรองชนะเลิศ: Kuai Shan Fangให้โลกนี้ได้สัมผัสถึงกลิ่นอายความงามของไต้หวัน
Kuai Shan Fang แบรนด์น้ำมันหอมระเหยไซเปรสไต้หวันก่อตั้งเมื่อปี 2012 จุดเริ่มต้นมาจากในช่วงเวลาที่ผู้ก่อตั้งต้องดูแลพ่อที่ป่วยเป็นมะเร็งและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง เขาพาพ่อไปเมืองอูไหลและเขาไท่ผิงซาน ที่ที่เต็มไปด้วยประจุลบจากธรรมชาติ ท่ามกลางป่าเขาสีเขียวขจีนั้นพวกเขาได้สัมผัสถึงธรรมชาติและความบริสุทธิ์เรียบง่ายที่แสนสงบ
เป็นเวลามากกว่า 10 ปีแล้วตั้งแต่ที่แบรนด์ถูกก่อตั้งขึ้น คุณหย่งบอกว่า “ตอนแรกเป็นเพราะพ่อชอบธรรมชาติมาก จึงเกิดความคิดเรียบง่ายขึ้นมาอย่างหนึ่ง จะทำอย่างไรได้บ้างที่ไม่ต้องเดินทางไกลขับรถเพื่อขึ้นเขา แต่ยังสามาถนำธรรมชาติป่าเขากลับมาไว้ที่บ้านได้อีกด้วย?” ด้วยความคิดที่เรียบง่ายนี้ จึงได้เริ่มเส้นทางของการสร้างแบรนด์ ซึ่งผู้ร่วมก่อตั้งสองท่านของแบรนด์ได้ต่อยอดประสบการณ์ชีวิตของตัวเอง ไปค้นพบคุณค่าแสนบริสุทธิ์ในไซเปรสไต้หวัน ที่ช่วยผ่อนคลายสบายทั้งกายและใจ ด้วยแรงบันดาลใจอันเรียบง่ายนี้ แบรนด์ตั้งใจใช้ “ป่าเขา” ส่งต่อพลังบวกที่ยิ่งใหญ่ให้แก่ผู้ใช้
“ช่วงแรก ๆ ที่ก่อตั้งแบรนด์ เรามีความฝันว่าอยากทำให้โลกนี้ได้สัมผัสถึงกลิ่นอายไต้หวันผ่านไซเปรสไต้หวัน” คุณ Huang Su Qiu ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์เสริมว่าไต้หวันยังไม่มี “กลิ่น” ที่เป็นตัวแทนความเป็นไต้หวัน แบรนด์จึงคาดหวังว่าจะสามารถใช้ต้นไซเปรสไต้หวัน ทำให้ผู้บริโภคต่างชาติได้สัมผัสถึงกลิ่นอายความเป็นไต้หวัน
การเดินทางของแบรนด์ จาก ‘การนำธรรมชาติป่าเขามาไว้ที่บ้าน’ ต่อยอดถึง ‘การพาไต้หวันไปสู่ความเป็นสากล’ ซึ่งแบรนด์ไม่หยุดพัฒนาเทคนิค ตัวสินค้า ตัวแบรนด์ และยึดมั่นในแนวคิด Sustainability ทำให้ตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา แบรนด์ได้มีโอกาสร่วมมือจัดทำเซตของขวัญพิเศษให้ทั้งสภาพัฒนาแห่งชาติในนิทรรศการฟื้นฟูและพัฒนาภูมิภาค และงานฉลองวันชาติของกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งมีความหมายต่อทีมของแบรนด์มาก
แบรนด์ Kuai Shan Fang ให้ความสำคัญกับทั้งความยั่งยืนและการรักษ์โลกด้วยเช่นกัน “เรายึดมั่นในการใช้สิ่งที่มาจากธรรมชาติ รวมถึงจิตวิญญาณของธรรมชาติ มาตั้งแต่เริ่มต้นทำแบรนด์ ซึ่งหลังจากที่แบรนด์เดินทางมา 10 ปี เมื่อแบรนด์ได้รับรางวัลเมื่อปี 2021 จึงได้มีโอกาสเริ่มแชร์ประสบการณ์กับผู้คนในเรื่องวิถีชีวิตที่ยั่งยืน ที่รวมถึงการออกแบบแพคเกจจิ้งของผลิตภัณฑ์ และแหล่งที่มาของวัตถุดิบที่มีการควบคุมอย่างเข้มงวด การดีไซน์อย่างยั่งยืนนั้น คือสิ่งที่ Kuai Shan Fang ปฏิบัติมาตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันและจะยังคงทำต่อไปในอนาคต”
คุณ Huang Su Qiu เน้นย้ำกับเราว่าไม่มีแบรนด์ไหนที่สามารถขึ้นไปอยู่จุดสูงสุดหรือประสบความสำเร็จได้ภายในเวลาอันสั้น แบรนด์ Kuai Shan Fang ก็เช่นกัน “หลายปีมานี้ เรามุ่งมั่นในการใส่แนวคิดความยั่งยืนให้เป็นหัวใจสำคัญ แล้วปฏิบัติจริง อย่างเช่น การใช้วัตถุดิบของน้ำมันหอมระเหยและครีมอาบน้ำยาสระผม ว่ามีกรดอะมิโนมากเกินไปหรือไม่ และจะส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร รวมถึงแพคเกจจิ้งว่าสามารถใช้วัสดุที่รีไซเคิลได้หรือไม่ อีกทั้งการมีความรับผิดชอบต่อสังคมในฐานะองค์กร โดยมีความยั่งยืนและการรักษ์โลกเป็นภารกิจสำคัญ
การสร้างความไว้วางใจของทีมต่อสังคมคือพันธกิจที่ผู้ร่วมก่อตั้งทั้งสองคนคอยเน้นย้ำ แม้ว่าในระหว่างทางจะพบเจออุปสรรคในเรื่องของต้นทุน หรือการที่ต้องตัดสินใจขึ้นราคาตามต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น แต่ผู้ก่อตั้งคิดว่า เพื่อทำให้ความคิดกลายเป็นจริง ไม่ทิ้งความเชื่อมั่น ทุกทางที่เลือกนั้นล้วนคุ้มค่าเสมอ “เมื่อประเด็นความยั่งยืนในตัวแบรนด์ถูกการันตีแล้ว แบรนด์ก็จะมีอิทธิพลยิ่งขึ้น ผู้บริโภคมีอิทธิพลต่อผู้บริโภค แบรนด์ก็มีอิทธิพลต่อแบรนด์ด้วยกันเช่นกัน เช่นนี้ เราจึงจะสามารถเพิ่มทางเลือกในการสร้างวิถีชีวิตที่ยั่งยืนได้มากยิ่งขึ้น”
รางวัลรองชนะเลิศ: QUALY ทิ้งภาพจำพลาสติกตัวร้าย กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง
QUALY แบรนด์สัญชาติไทย ที่เริ่มต้นจากโรงงานรับผลิตชิ้นส่วนพลาสติกที่มีชื่อเสียง ต่อยอดกลายเป็นแบรนด์โดยลูกชายสองท่านที่เชียวชาญด้านการตลาดและการออกแบบ
แบรนด์ QUALY มีแนวคิดที่ชัดเจนมาตั้งแต่ต้น ใส่คอนเซ็ป “ดีไซน์รักษ์โลก” ลงไปในสินค้าตั้งแต่ Day 1 ของการเริ่มต้น เพราะภาพจำพลาสติกที่เป็นตัวร้ายที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สองพี่น้องจึงวางเป้าหมายไว้ที่สินค้าที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง โดยคาดหวังให้สินค้าเป็นสิ่งที่ใช้ได้ในทุก ๆ วัน และเป็นเหมือนองค์ประกอบของธรรมชาติที่ตั้งอยู่ในบ้าน
“ใน 4 – 5 ปีที่ผ่านมานี้ QUALY เริ่มลงทุนกับรีไซเคิลมากขึ้น โดยเลือกใช้วัสดุรีไซเคิลได้เกือบ 100% ซึ่งในช่วงก่อนโรคระบาดโควิดนั้น แบรนด์ได้รับการตอบรับที่ดีมากในแถบตะวันตกมาแล้ว” คุณ Jason ผู้ที่รู้จักและคุ้นเคยกับผู้ก่อตั้งและเป็นตัวแทนจำหน่ายในไต้หวันบอกกับเราว่าความจริงแล้วกระแสตอบรับของผู้บริโภคในการเลือกใช้สินค้ารีไซเคิลนั้นไม่มากนัก เหตุผลหลักคือลักษณะภายนอกของวัสดุนั้นดูไม่สวยงามเท่ากับเม็ดพลาสติกใหม่ ๆ แต่ถึงอย่างไรก็ตามวัสดุรีไซเคิลกลับเต็มไปด้วยความงามของความออแกนิคและความธรรมชาติของมัน
“เราคาดหวังว่าการได้รับรางวัลนี้จะทำให้ผู้คนรู้จักเราและให้ความสำคัญกับวัสดุรีไซเคิลมากขึ้น” คุณ Jason แชร์กับเราว่า บางครั้งจะได้รับฟีดแบ็คจากลูกค้าบางท่านว่าสีของสินค้าไม่เสมอกัน มีริ้วรอยตำหนิ คุณภาพวัสดุไม่เรียบเนียน แต่ความจริงแล้วสิ่งเหล่านั้นคือเสน่ห์ของวัสดุรีไซเคิล และเป็นจุดที่ทำให้ QUALY ได้รับความนิยมนั่นเอง
การลงทุนกับวัสดุรีไซเคิลของผู้ก่อตั้งในหลายปีที่ผ่านมานั้นดูเหมือนจะเห็นผล มีองค์กรใหญ่ในกรุงเทพฯมาร่วมงานกับแบรนด์ค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นการบริจาคขวดพลาสติกหรือแม้กระทั่งการร่วมมือผลิตสินค้าใหม่ และภายใต้เทรนด์ ESG ในสังคมปัจจุบัน มีผู้ที่มาเชิญชวนให้ร่วมงานกันมากขึ้น “ปัจจุบันมีมากจนถึงขั้นเจอปัญหาการได้รับวัสดุรีไซเคิลมากเกินไปจนโรงงานนำไปผลิตใช้ไม่ทัน พวกเขาจึงก่อตั้งแผนกใหม่ขึ้น เพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของวัสดุรีไซเคิลว่าน่าเชื่อถือและผ่านการรับรอง”
จากสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนสู่ความรับผิดชอบต่อสังคมที่ QUALY ก็ไม่ละเลยเช่นกัน ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ร่วมมือกับองค์กร NGO-EJF อังกฤษ รวบรวมซากแหอวนทั้งในประเทศไทยและในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นใหม่ แน่นอนว่าวัสดุรีไซเคิลนั้นอาจมีความไม่สมบูรณ์แบบ “แม้ว่าการใช้วัสดุรีไซเคิลมาสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่นั้นจะไม่สวยงามสมบูรณ์แบบมากนัก แต่แบรนด์ QUALY ตั้งใจเปลี่ยนสิ่งนี้ให้กลายเป็นจุดเด่นของการผลิตสินค้า ใช้กระบวนการผลิตที่ทับซ้อนวัสดุหลายชั้นเพื่อให้ลายนั้นไม่ดูเป็นรอยตำหนิ เป็นต้น ซึ่งกลายเป็นเอกลักษณ์ความสามารถในการออกแบบของผู้ก่อตั้งทั้งสองคน”
รางวัลรองชนะเลิศ: mittag jewelry จิวเวลรีแฟร์เทรด – สร้างแบรนด์ที่ไม่เหมือนใครด้วยความเชื่อมั่น
แบรนด์ mittag jewelry ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2012 โดยชื่อแบรนด์มาจากคำย่อ MIT (Made in Taiwan) รวมกับคำว่า Tag ที่หมายถึงแบรนด์ ซึ่งสไตล์ของแบรนด์นั้นจะมีความ Unisex เรียบง่าย และเนี้ยบ เป็นเอกลักษณ์ของงานดีไซน์ มุ่งมั่นให้คนที่ใช้สิ่งของ Unisex ได้พบเจอเครื่องประดับที่เหมาะสมกับตัวเอง
“จุดเริ่มต้นของงานออกแบบก็มาจากความต้องการของตนเอง สไตล์ของฉันจะค่อนข้าง Unisex และเป็นสไตล์งานเนี้ยบ เรียบง่าย แต่ในกลุ่มตลาดช่วง 10 ปีก่อน ถ้าไม่ใช่เครื่องประดับที่สวยงาม ก็เป็นเครื่องประดับที่หรูโก้ไปเลย แต่สำหรับผู้หญิงและผู้ชายที่ใส่เสื้อผ้า Unisex นั้น มันยากที่จะหาแบรนด์ที่ตรงตามสไตล์ของตัวเอง ทำให้ฉันตัดสินใจไปเรียนรู้เอาเอง” Lin Ling Wei ผู้ก่อตั้งแบรนด์หัวเราะเบา ๆ แล้วบอกว่าตอนนั้นความคิดของเธอเองค่อนข้างไปไกลกว่า เพราะในปี 2012 เครื่องประดับในไต้หวันที่เป็นแฟชั่นหลักยังคงเป็นเครื่องประดับสไตล์ญี่ปุ่นและเกาหลี แต่ในทางกลับกันแบรนด์เครื่องประดับฝั่งตะวันตกที่ดูโอ่อ่า งานเนี้ยบกลับไม่เป็นที่นิยมในกลุ่มตลาดนัก
“บางครั้งฉันก็รู้สึกว่า หรือเราต้องไปทางเครื่องประดับที่งดงามวิจิตรจึงจะได้รับกระแสตอบรับที่ดี?” ในระหว่างทางที่ความคิดตีกันนั้น สุดท้าย คุณ Lin Ling Wei ก็เลือกทำตามความคิดแรกของเธอ เธอหัวเราะและบอกว่าแม้จะยังตั้งคำถามกับตัวเอง แต่ก็ยังเชื่อในความคิดและสไตล์ของตัวเอง บนโลกนี้ย่อมต้องมีคนที่ต้องการงานดีไซน์ที่ไม่ใช่แค่ชายหญิงอย่างใดอย่างหนึ่ง
การสร้างแบรนด์เป็นเส้นทางที่ค่อนข้างโดดเดี่ยว เมื่อพูดถึงอุปสรรคที่เคยพบเจอ น้ำเสียงของเธอนิ่งและพูดเพียงว่า “มีหลายเรื่องที่จะไม่มีผู้นำคอยบอกคุณว่าก้าวต่อไปควรเดินอย่างไร เป็นหน้าที่ของผู้สร้างแบรนด์เองที่ต้องคิดวิเคราะห์ แม้ว่าบางครั้งมักจะเกิดคำถามในใจ ว่าการที่ฉันโดดเดี่ยวเช่นนี้ เพราะฉันถูกกลุ่มตลาดลืมไปแล้วหรือเปล่า? แต่เมื่อกลับมาคิดอีกครั้ง จริง ๆ แล้วฉันมักถูกโอบกอดด้วยผู้บริโภคที่ชอบแบรนด์ของฉันต่างหาก และได้ค้นพบสิ่งที่เรียกว่าความมั่นใจและการถูกยอมรับผ่านรางวัล Pinkoi Design Awards”
ในฐานะที่เป็นแบรนด์จิวเวลรี่หนึ่งเดียวในไต้หวันที่ทำเป็นธุรกิจแฟร์เทรดเงินโลหะ miitag jewelry ได้รับการรับรองผ่านมาตรฐานทองคำเงินและโลหะ Fairmined จาก ARM (Alliance for Resposible Mining องค์กรสนับสนุนทำเหมืองแร่แบบดั้งเดิมเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม) ไปเมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2020 โดย คุณ Lin Ling Wei กล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่าส่วนตัวเป็นคนชอบเรื่องการรักษ์โลกมาตั้งแต่เด็ก และได้ปฏิบัติจริงผ่านการทำแบรนด์ของตนเอง “ชีวิตของฉันก็คือการนำสิ่งที่ดูเหมือนไม่มีประโยชน์มาใช้ซ้ำ แปรรูปมัน และมอบให้กับคนที่ต้องการ”
| ดูรายชื่อผู้ชนะการประกวดที่: Pinkoi Design Awards 2023
บทความ: Shopping Design