เริ่มจากการที่ไปเที่ยวประเทศไต้หวัน และได้ไปเดิน creative park ทำให้เราได้เห็นงานดีไซน์ต่างๆ ที่ทั้งแปลกตาและน่าสนใจ จนทำให้อยากรู้วิธีการทำงานว่ากว่าจะออกมาเป็นชิ้นงานที่เราเห็น มันมีวิธีการอย่างไรและต้องทำอะไรบ้าง
นี่คือจุดเริ่มต้นที่คุณโอ ณัฐพงศ์ ด่านศิริกุล เล่าให้ฟังถึงความเป็นมาของแบรนด์เครื่องหนังทำมือ JOY & O-MAN
พอกลับมาประเทศไทย จึงเริ่มมองหาคอร์สเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการทำงานหนัง แต่เนื่องด้วยทำงานประจำ และไม่สะดวกที่จะเดินทางไปเรียนไกลๆ จึงมองหาคอร์สออนไลน์มาทดลองเรียนรู้เองที่บ้าน ลองผิดลองถูก จนเข้าใจวิธีการทำงาน และการใช้เครื่องมือต่างๆ มากขึ้น
จากนั้นก็ได้มีโอกาสทำงานหนังชิ้นแรก ที่ทำเพื่อให้คนอื่นจริงๆ ก็คือได้ทำกล่องแว่นเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้กับพ่อของภรรยา จนมีคนเห็นงานของเราก็เกิดชอบและสนใจอยากสั่งทำบ้าง จุดนี้เลยเป็นจุดที่ทำให้เราคิดที่อยากจะลองทำแบรนด์ขึ้นมา เราจึงได้ปรึกษากันกับภรรยาจนเกิดเป็นแบรนด์งานหนังแฮนด์เมดที่ชื่อ JOY & O-MAN
เราชอบออกแบบชิ้นงานที่ไม่ซับซ้อน ชิ้นงานจะออกมาในรูปแบบที่เรียบง่าย แต่ยังคงต้องเป็นงานที่ดูดี และใช้งานได้จริง เราเน้นความใส่ใจในวัตถุดิบที่ใช้และให้ความสำคัญกับรายละเอียดต่างๆในแต่ละขั้นตอนให้มากที่สุด
ในช่วงแรกของการทำแบรนด์เราเน้นที่การออกแบบและคิดชิ้นงานใหม่ๆเพื่อให้มีสินค้าในสตูดิโอมากขึ้นก่อน สินค้าสต็อคจึงไม่มากนัก สินค้าของเราเกือบทุกรายการเป็นแบบ made to order คือผลิตตามใบสั่ง เราก็จะกำหนดจำนวนวันที่จะต้องใช้ในการผลิต เอาไว้ให้ลูกค้าทราบ โดยดูจากช่วงเวลาที่เราจะสามารถทำงานของแบรนด์ได้ว่าเราจะทำได้มากน้อยขนาดไหน ส่วนช่วงเวลาในการทำงานก็จะเป็นเวลากลางคืนและวันหยุดที่เราไม่ติดหน้าที่อะไร
เครื่องมือที่ชอบที่สุดน่าจะเป็น เครื่อง stamp ร้อน เนื่องจากเรามีบริการ stamp ชื่อลงบนชิ้นงานให้ลูกค้าเพื่อต้องการให้เกิดความพิเศษบนสินค้าที่ลูกค้ารับไป ในช่วงแรกเรา stamp ชื่อลงบนชิ้นงานด้วยมือทีละตัวอักษร บางครั้งก็จะมีชิ้นงานเสียไปบ้างหรือออกมาไม่เรียบร้อยบ้างซึ่งเราต้องทำใหม่ เลยทำให้เสียเวลามากขึ้น แต่พอเรามีเครื่องนี้เข้ามา ก็ช่วยให้เราทำงานได้ง่ายขึ้น และทำให้งานของเราออกมาดูดีมากขึ้นด้วย
ส่วน Wish List ตอนนี้ก็หนีไม่พ้นอุปกรณ์ Stamp เพราะช่วยเพิ่มความพิเศษให้ทุกชิ้นงานที่ลูกค้ารับไป